ลัทธิล้างสมอง สุดสยอง เมื่อความศรัทธานำไปสู่หายนะ บนโลกของเรา มีลัทธิเกิดขึ้นมามากมาย บางลัทธิก็มีแนวคิดที่ดี ในขณะที่บางลัทธิ ก็ทำให้เราเห็นความน่ากลัวของการล้างสมองผู้คน และสร้างความหายนะในกับสังคม
ลัทธิล้างสมอง สุดสยอง
นอกจากเรื่อง “พระบิดา” เจ้าของสำนักลัทธิประหลาดที่เป็นข่าวนั้น ในอดีตยังมี “ลัทธิโหด” เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งโหดถึงขั้นต้องแลกด้วยชีวิตเลยทีเดียว! จากกรณี “พระบิดา” เจ้าสำนักสุดเพี้ยนที่ตั้งตนเป็นศาสดาของทุกศาสนา ที่มีการชักชวนให้เหล่าสาวกมาร่วมพิธีกรรมแปลกประหลาด จนทำให้หลายคนในสังคมรับไม่ได้ ต่างก็รู้สึกอึ้ง ทึ่ง ขนลุก และชวนคลื่นไส้ในเวลาเดียวกันนั้น แต่รู้หรือไม่? เหตุการณ์นี้อาจจะยังเทียบไม่ได้กับ “ลัทธิโหด” ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งนอกจากมีพิธีกรรมที่พิศดารไม่แพ้กันแล้ว ยังเพิ่มความสยดสยองมากกว่านี้หลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นการข่มขืน การดื่มเลือด การรมแก๊ส ไปจนถึงการฆ่าตัวตายในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผิดธรรมชาติ เราจะพาไปย้อนรอยดู “ลัทธิโหด”
ในอดีตที่ผ่านมาว่าเคยมีกรณีสุดแปลกแบบไหนบ้าง? ก่อนอื่นชวนทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนว่า “ศาสนา” และ “ลัทธิ” มีความแตกต่างกัน โดยมีข้อมูลจาก มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา อธิบายไว้ว่า ลัทธิ คือ ความเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นความเชื่อที่อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ เป็นเรื่องของความเชื่อในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และมีกลุ่มชน มีการก่อตั้งเป็นลัทธิแห่งความเชื่อนั้น ๆ ส่วนคำว่า ศาสนา หมายถึง คำสั่งสอน ซึ่งเป็นคำสั่งสอนจากความคิด หรือความเชื่อของผู้ใดผู้หนึ่ง แล้วแสดงหรือถ่ายทอดส่งต่อแนวคิดนั้น จนมีผู้ศรัทธาต่อคำสอนนั้น มีองค์ประกอบของความเป็นศาสนาครบถ้วน มีการจดเบียนขึ้นเป็นศาสนาตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด
สำหรับ “ลัทธิโหด” ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์โลกนั้นมีมากมาย บางส่วนหายสาบสูญไปตามกาลเวลา และบางส่วนยังคงมีการทำพิธีกรรมกันแบบลับ ๆ แต่ในที่นี้ เราขอยกตัวอย่างมาให้รู้จักเพียงบางลัทธิเท่านั้น ได้แก่
ลัทธิโอมชินริเคียว (Asahara and the Aum Supreme Truth)
ลัทธิสุดโหดที่มีจุดกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1984 มีผู้นำลัทธิ คือ โชโกะ อาซาฮารา (ชื่อเดิม ชิสึโอะ มัตสึโมโตะ) ซึ่งในตอนแรกเขาแสร้งว่าตนเองนับถือศาสนาพุทธ แต่หลังจากนั้นเขาเริ่มเผยแพร่คำสอนอื่นที่ไม่ใช่ของศาสนาพุทธ จนมีสาวกทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศประมาณ 50,000 คน อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเขาได้ตั้งตนเป็นศาสดา อ้างว่าตนเองเป็นร่างอวตารของพระวิษณุ เริ่มสร้างสถานปฏิบัติธรรมตามพื้นที่โดยรอบภูเขาไฟฟูจิ หรืออาจเรียกว่าเป็นสถานที่ล้างสมองสมาชิก นำคนเข้าไปอยู่ในพื้นที่จำกัด ตัดขาดจากโลกภายนอก และสั่งให้ทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ หากใครพยายามหลบหนีก็อาจพบจุดจบที่ค่อนข้างน่ากลัว
สำหรับสิ่งที่ทำให้ลัทธินี้โด่งดังสุดขีดในเรื่องความโหดก็คือ ในปี 1995 ลัทธินี้ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปล่อย “แก๊สซาริน” ในเมือง มัตสึโมโต เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย แต่เมื่อตำรวจเริ่มสอบสวนคดีใกล้ตัวอาซาฮารามากขึ้น เขาก็สั่งให้สาวกปล่อยแก๊สซารินในสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียว 5 สาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 12 คน บาดเจ็บ 54 ราย
หลังจากนั้นตำรวจบุกเข้าทลายสำนักงานใหญ่ของโอมชินริเคียว พบวัตถุระเบิด สารเคมี อาวุธเคมี และเฮลิคอปเตอร์ที่เตรียมไว้โปรยอาวุธเคมีเพื่อสังหารผู้คน โดยแก๊สซารินที่พบนั้นมีจำนวนมากพอที่จะฆ่าคนได้ถึง 4,000,000 คน หลังจากนั้น อาซาฮาราถูกจับกุมดำเนินคดี และถูกประหารชีวิตในปี 2018
ลัทธิประตูสวรรค์ (Heaven’s Gate)
ก่อตั้งโดย มาร์แชลล์ แอปเปิลไวท์ และตั้งตนเป็นศาสดา ไม่ทราบช่วงเวลาก่อตั้งที่แน่ชัด โดยมีคำสอนว่ามนุษย์ไม่ได้มาจากการสร้างของพระเจ้า หากแต่มาจากพ่อแม่ที่เป็นมนุษย์ต่างดาว เมื่อคลอดลูกแล้วก็นำมาปล่อยให้เจริญเติบโตอยู่บนโลกมนุษย์ และจะนำยานอวกาศมารับเหล่าทายาท เพื่อเดินทางกลับไปยังดาวต้นกำเนิดที่อยู่ด้านหลังของดาวหาง เฮล-บ็อบ
หลังจากนั้นไม่นาน มีสาวกมารวมตัวกัน 38 คน เพื่อเรียกร้องให้แอปเปิลไวท์ ติดต่อไปยังบรรพบุรุษเพื่อให้นำยานอวกาศมารับ แอปเปิลไวท์กล่าวว่า หากจะไปเร็วก็จำเป็นต้องไปด้วยวิญญาณ หลังจากนั้นก็นำวอดก้าผสมยาพิษชนิดร้ายแรงให้บรรดาสาวกและตนเองดื่ม หลังจากนั้นตำรวจนอร์ธควีนส์แลนด์ได้เข้าไปพบว่าแอปเปิลไวท์และสาวกรวม 39 คน นอนเสียชีวิตอยู่
ลัทธิมนต์ผีดูดเลือด (Vampire Clan)
ก่อตั้งในปี 1998 โดย ร็อด เฟอร์เรล ชาวอเมริกัน และตั้งตนเป็นศาสดาตั้งแต่อายุ 16 ปี มีหลักความเชื่อ คือ ต้องเจาะเลือดของคนในลัทธิมาแลกกันดื่มและสลับคู่นอนกันภายในลัทธิ และหลังจากนั้นมีคนถูกเฟอร์เรลหลอกให้ลงมือฆาตกรรมผู้อื่นไป 2 ราย
ต่อมาเฟอร์เรลและ “ฮีทเธอร์ เวนดอร์ฟ” สาวกสาว ได้บุกเข้าบ้านของตระกูล “เวนดอร์ฟ” และฆ่าพ่อแม่ของเธอเอง ก่อนจะหลบหนีไป แต่สุดท้ายก็ถูกตำรวจจับกุม และตัดสินประหารชีวิต แต่หลังจากนั้นบรรดาสาวกก็ยังพยายามเผยแพร่ลัทธิไปทั่วสหรัฐฯ แต่สุดท้ายก็ถูกกวาดล้าง
แมนสันและครอบครัว (Charles Manson and The Family)
ชาร์ลส แมนสัน เป็นเจ้าลัทธิ “แมนสันและครอบครัว” เริ่มต้นจากการค่อย ๆ รวบรวมคนเข้ามาเป็นกลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยก่อเหตุอาชญากรรมมาแล้วหลายครั้ง โดยเขาได้เคยพูดถึงวันสิ้นโลกว่า “ในไม่ช้าจะเกิดสงครามระหว่างคนขาวกับคนดำ มันจะกลายเป็นชนวนนำไปสู่สงครามปรมาณู คนดำจะเป็นฝ่ายชนะ แต่เนื่องจากพวกมันไม่มีความสามารถในการปกครอง แมนสันและครอบครัวโดยมีข้าเป็นผู้นำจะเป็นเชื้อสายบริสุทธิ์เพียงหนึ่งเดียวที่เหลือรอด และกลายเป็นผู้ปกครองโลกตลอดกาล”
ทำให้เขาและสาวกเริ่มออกไปก่ออาชญากรรม แล้วโยนความผิดให้คนผิวดำเพื่อให้สงครามเกิดเร็วขึ้น และกำจัดบุคคลที่เข้ามาขัดขวางพวกเขา ส่งผลทำให้มีผู้เป็นเหยื่อของลัทธินี้หลายราย และบางรายถูกฆ่าอย่างทารุณ แต่สุดท้ายในปี 1969 แมนสันก็ถูกตำรวจจับเข้าคุกในที่สุด
ลัทธิฟื้นฟูพระบัญญัติ 10 ประการ พระวจนะแห่งพระเจ้า (Restoration of the 10 Commandments)
เป็นลัทธิที่แยกตัวออกมาจากศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก มี โจเซฟ คิบเวเทียร์ นักการเมืองชาวอูกันดา เป็นผู้ก่อตั้ง โดยไม่ปรากฏปีก่อตั้งที่แน่ชัด คิบเวเทียร์บอกกับบรรดาสาวกของเขาว่า “พระมารดามารีอาได้ทรงปรากฎพระวรกายต่อหน้าตัวเขาเอง”
จากนั้นเขาได้ย้ำกับสาวกอยู่เสมอว่า โลกจะแตกในวันที่ 1 มกราคม 2000 แต่พอถึงวันนั้นก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น คิบเวเทียร์จึงแก้ต่างให้ตัวเองว่า พระเจ้ายังไม่ทรงต้องการทำลายโลก แต่เลื่อนไปเป็นวันที่ 17 มีนาคม ปีเดียวกัน
และเมื่อวันนั้นมาถึงคิบเวเทียร์ก็วางเพลิงเผาโรงนาที่เป็นที่ทำการและที่อยู่ร่วมกันของเหล่าสาวก เมื่อเพลิงสงบลง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปสำรวจพบศพผู้เสียชีวิตที่ถูกเผา จำนวน 513 ศพ รวมทั้งตัวคิบเวเทียร์ด้วย
ที่น่ากลัวมากไปกว่านั้นคือ ยังพบศพอีก 265 ศพถูกฝังไว้ใต้ดินในที่ดินของคิบเวเทียร์ ซึ่งแต่ละศพมีร่องรอยการถูกแทง หรือไม่ก็ถูกวางยาพิษ รวมศพที่พบทั้งหมดมีมากถึง 778 ศพ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่ม “ลัทธิโหด” จากเกือบ 30 ลัทธิทั่วโลก ซึ่งเป็นกรณีตัวอย่างของความเชื่อสุดโต่งที่นำไปสู่จุดจบที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง
ก็จบกันไปแล้วนะครับผมเรื่อง ลัทธิล้างสมองสุดสยอง เพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง หรือว่าข้อมูลของเราผิดพลาดตรงไหน เพื่อนๆสามารถติชมและพิมพ์ทิ้งไว้ในช่อง comment ได้เลยนะครับ ยังไงก็ฝากกดไลค์กดแชร์กด Subscribe ให้กับช่อง พร้อมเหลา ไว้ด้วยเพื่อเราจะได้มีกำลังใจในการทำคลิปต่อๆไปมาให้เพื่อนๆได้รับชมกัน