บริการส่งเด็ก ผ่านไปรษณีย์ คือเรื่องจริงหรือไม่ ทำได้จริงหรือ?

บริการส่งเด็ก

บริการส่งเด็ก ใครๆ ก็คงเคยใช้บริการส่งไปรษณีย์ ส่งของ ส่งสินค้าต่างๆ ส่งต้นไม้ หรือแปลกสุดๆ ก็คงเป็นการส่งสิ่งมีชีวิต หนู งู น้องหมา แต่เรื่องที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นการส่งเด็ก เรื่องราวจะเป็นแบบไหนมาดูเลย

บริการส่งเด็ก ผ่านไปรษณีย์

ใครเคยใช้บริการส่งไปรษณีย์ส่งของส่งสินค้าต่างๆ ส่งต้นไม้ หรือ จะแปลกที่สุดก็คงจะเป็นการส่งสิ่งมีชีวิต หนู งู กระต่าย น้องหมา และน้องแมว จะไปคาดคิดว่าครั้งหนึ่งไปรษณีย์ในประเทศอเมริกาเคยมีบริการส่งคนตัวเป็นๆมาก่อน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบริษัทขนส่งยอดนิยมระดับโลกในยุคนี้ต่างมาจากประเทศสหรัฐอเมริกากันทั้งนั้น หากย้อนกลับไปบริการส่งพัสดุของอเมริกานั้น กับพัฒนามาจากการส่งไปรษณีย์ตามบ้านธรรมดาๆ อย่างที่เราคุ้นเคยกันนี่เอง แต่ถ้าหากเป็นการส่งจดหมายส่งเสื้อผ้าอาหารก็คงเป็นเรื่องที่ปกติดีใช่ไหมล่ะครับ

แต่ทว่าคนอเมริกาในสมัยนั้นเลือกที่จะส่งลูกของพวกเขาที่ไม่ใช่ตุ๊กตา ทารกคนแรกที่มีบันทึกเหตุการณ์ว่าถูกส่งเข้าเมืองไปกับไปรษณีย์ ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อของเด็กทารก พ่อแม่ของเจ้าหนูน้อยคนนี้เจสซี่ และ magical มีเงินไม่พอสำหรับค่ารถไฟที่จะพาลูกเขาไปเจอคุณยาย อยู่อีกเมืองนึง

พวกเขาจึงตัดสินใจส่งลูก ไปทางไปรษณีย์ด้วยราคาค่าส่ง 15 เซน หรือประมาณ 1 บาทไทย ของสมัยนี้ไม่ได้มีแค่หนูน้อย ครอบครัวอื่จะถูกส่งไปกับไปรษณีย์เหมือนกัน อย่างหนูน้อยชาลอต megastore วัย 5 ขวบ ซึ่งเป็นที่มาของหนังสือ metalmetal

และด้วยความที่อยากจะไปหาคุณยายของเธอ ที่อยู่ต่างเมือง และครอบครัวไม่สามารถออกค่าใช้จ่ายให้ได้ใ นราคาประมาณ 1.5 ดอลลาร์สหรัฐ ในสมัยนั้นคือเท่ากับ 37.9 $0

ในสมัยนี้หรือประมาณ 1439 บาทไทยจึงจำเป็นต้องส่งรถเมล์ไปกับรถไฟขนส่งบรรดาพัสดุเพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ราคาขนส่งประมาณ 53 cm หรือจะคิดเป็นเงินไทยในตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 2-3 บาท ทราบว่าในเมืองที่ใช้บริการไปรษณีย์ในการส่งลูกสาว ไปหาญาติของพวกเขาได้ราคา 45 cm ซึ่งถ้าตีเป็นเงินไทยในสมัยนี้ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 บาท

ฟังดูแล้วค่อนข้างแปลกใจเลยว่าทำไมพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กเหล่านี้ถึงกล้าส่งลูกตัวเองผ่านไปรษณีย์มันจะปลอดภัยต่อชีวิตเด็กหรือไม่ และเด็กที่ถูกส่งไปจะต้องถูกบรรจุอยู่ในกล่องอย่างนั้นหรือ ฟังดูน่ากลัวใช่ไหมล่ะครับ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปเพราะทารกไม่ได้ถูกแพ็คลงกล่องปิดทึบสนิท

แต่พวกเขาถูกใส่ไปกับกระเป๋าหนังที่ไม่ได้ปิด ของบุรุษไปรษณีย์ เด็กน้อยยังสามารถหายใจได้ตลอดการเดินทาง คนอเมริกาในสมัยก่อน เขาไม่ได้กลัวกับการที่จะต้องส่งลูกตัวเองเดินทางไปกับบุรุษไปรษณีย์เลยใช่ไหมล่ะครับ

เราอาจจะต้องย้อนไปถึงบริบทสังคมในสมัยก่อน คือผู้คนในสมัยนั้นเขาจะรู้จักและคุ้นเคยกับบุรุษไปรษณีย์แถวบ้านตนเองเป็นอย่างดี สามารถคุยเล่นได้เหมือนเป็นเพื่อน เด็กๆจะออกมาทักทายบุรุษไปรษณีย์เป็นปกติ

จนพวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน แต่พวกเขาก็พิจารณาก่อนว่าจะเลือกส่งลูกไปกับบุรุษไปรษณีย์คนไหน คนนั้นต้องเป็นคนเขาไว้ใจมากหรือเป็นบุรุษไปรษณีย์เป็นญาติของตนเอง และโชคดีเมื่อตรวจสอบดูแล้วเด็กทุกคน จะถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

ไม่มีใครได้รับอันตรายจากการขนส่ง จะถามว่าพวกเขาไว้ใจบุรุษไปรษณีย์ขนาดไหน ก็เรียกได้ว่านายไปรษณีย์คนหนึ่ง เคยรับจดหมายที่สอบถามถึงวิธีการห่อเด็ก ผ่านขนส่งทางไปรษณีย์ด้วย แทนที่บอกว่าพวกเราไว้ใจบรรดาบุรุษไปรษณีย์มาก

สิ่งนี้แหละทำให้เห็นว่าคนอเมริกาในสมัยนั้นค่อนข้างที่จะเห็นการขนส่งเด็กเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนส่งสินค้าทั่วไป และบุรุษไปรษณีย์มีคุณสมบัติที่ทำให้ผู้คนเชื่อใจได้มากๆอย่างนั้นภายหลังบริการรับพาลูกหลานส่งข้ามเมืองถูกสั่งห้าม

และถือว่าผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 1915 เป็นต้นมาหลังจากประกาศห้ามส่งมนุษย์และเด็กของทางไปรษณีย์โดย joseph gordon levitt ผู้ช่วยนายไปรษณีย์ในปี 1914 แต่ 1 เดือนให้หลัง มีการส่งเด็กผ่านไปรษณีย์ท้องถิ่น bh ไปหาญาติไกลถึง 19 กิโลเมตร

เดือนสิงหาคมปี 1915 เป็นปีสุดท้ายที่พบบันทึกการส่งเด็กทางไปรษณีย์ จากเคนตั๊กกี้แจ็คสันโดย marcus และก็ถือว่าเป็นเด็กคนสุดท้ายที่ถูกพบว่าถูกพาไปเยี่ยมญาติ ด้วยวิธีขนส่งทางไปรษณีย์

แต่ก็ไม่ใช่ว่าหลังจากนั้นจะไม่มีใครต้องการส่งลูกไปเยี่ยมญาติกับบุรุษไปรษณีย์ เพราะยังมีหลายคนส่งคำร้องขอมาถึงเจ้าหน้าที่ตอนช่วงประมาณปี 1920 ขอร้องให้กลับมาสามารถส่งเด็กผ่านไปรษณีย์ได้อีกครั้ง

แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้ปฏิเสธไปทั้งหมดจากเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้ การขนส่งเด็กผ่านไปรษณีย์อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการส่งเด็กๆเดินทางไปพร้อมกับพนักงานขนส่ง แต่ไม่ใช่กับเหตุการณ์นี้ ที่มีผู้ใหญ่คนหนึ่งอย่าง William saliba เกิดหัวหมอซ่อนตัวเองไปกับถังออกซิเจน และอาหารในกล่องพัสดุในรถที่เขียนป้ายว่าเครื่องดนตรี

และจุดมุ่งหมายของเขาไม่ใช่การไปเยี่ยมญาติต่างเมืองที่ไหน เพราะเขาต้องการขโมยของมีค่าจากบรรดาพัสดุที่กำลังขนส่งปลายทางนั่นเอง แต่สุดท้ายเขาก็ถูกตำรวจจับได้ในปี 1980 ที่สนามบิน atlanta

เรียกได้ว่าใช้ความพยายามในทางที่ผิดจริงๆ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากถูกจับได้เสียก่อนวิลเลี่ยมคนนี้คงจะขโมยของออกไปได้จริงซึ่งแน่นอนว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ส่ง และ ผู้ที่รอรับของปลายทาง  รวมถึงภาพลักษณ์ของบริษัทขนส่งไปรษณีย์ก็จะเสียหายอย่างมา

เป็นยังไงกันบ้างกับเรื่องที่ทางเราได้นำเสนอออกไป ใครที่ชอบหรือไม่ชอบยังไงสามารถแสดงความคิดเห็นไว้ได้เลยนะครับ สำหรับใครที่อยากจะดูเรื่องเกี่ยวกับอะไร สามารถบอกเข้ามาได้เลย สุดท้ายนี้อย่าลืมกดติดตาม พร้อมเหลา ไว้ด้วยนะครับ

ใส่ความเห็น