10 สัตว์ทะเลสุดแปลก ภาค 2 จะมีชนิดไหนไปติดตามกันเลย

10 สัตว์ทะเลสุดแปลก ภาค 2

10 สัตว์ทะเลสุดแปลก ภาค 2

ท้องทะเลเต็มไปด้วยปริศนามากมาย นักสำรวจยังต้องใส่ใจกับการค้นพบสิ่งมีชีวิตใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา วันนี้เรามีตัวอย่าง 10 สัตว์ทะเลสุดแปลกมาให้ได้รับชมกันอีกครั้ง

แมไลฟิก มองผ่านๆอาจสงสัยว่าตาของมันคือตรงไหนกันแน่ ชื่อไทยถูกเรียกว่าปลาหัวใส จากหัวมันใสจนมองเห็นอวัยวะภายในโดยเฉพาะตาสีเขียว 2 ข้างด้านบนส่วนดูด้านหน้านั้นจริงๆแล้ว คือจมูกของมัน เกิดข้อถกเถียงมายาวนานว่ามันจะมองเห็นเหยื่อของมันได้ยังไง เพราะตาของมันสามารถบอกได้เพียงด้านบนเท่านั้น รวมถึงปากของมันก็เล็กกว่าปลาอื่นๆมาก แต่หลังการสังเกตอย่างใกล้ชิด ทำให้พบว่ามันสามารถเคลื่อนตาของมันไปมาได้ เมื่อมันต้องการสอดส่องหาเหยื่อมันจะขึ้นตาไว้มองด้านบน และหากต้องการเห็นภาพด้านหน้ามันก็สามารถเคลื่อนตามไปด้านหน้าได้เช่นกัน ด้วยส่วนหัวที่ใสจนแสงลอดผ่านตัดกันกับลำตัวที่ทึบสนิท ทำให้เกิดเป็นรูปร่างแปลกประหลาดแบบนี้ขึ้นมาได้

seated ไพลิน หากคุณเคยเห็นประกาศพิภพในทะเลมาก่อนนั่น อาจจะเป็นแสงจากสัตว์ตัวเล็กๆที่ถูกเรียกว่าซีหรือไพลินแห่งท้องทะเล เชื่อว่าแพงต้องสีสดใสนี้มีอยู่มากมายบนท้องทะเลทั่วโลก แต่มันก็ไม่ใช่สัตว์ที่จะมองเห็นได้ง่ายๆ โดยทั่วไปแล้วมันจะมีลำตัวที่โปร่งใสเท่ากับหายตัวได้ ตัวเมียจะเกาะอยู่กับสัตว์ที่แปลกไม่แพ้กันอย่างสาว ในขณะที่ตัวผู้มีความสามารถที่สามารถเรียกร้องความสนใจจากตัวเมียได้ พวกมันมีแผน Crystal บางๆอยู่ภายในอาศัยหลักการสะท้อนของแสง สีของมันจะสลับไปมาระหว่างสีที่มองไม่เห็นกับสีที่มองเห็นได้ สีของพวกมันยังแตกต่างกันไปตามแต่ละสปีชีส์ ตั้งแต่สีเดียวไปจนถึงหลักสี พวกมันดูเหมือนหลุดออกมาจากมิติควอนตัม ในหนังสายๆ

freshest ta ภายนอกอาจดูเหมือนต้นหญ้าที่หลุดลอยอยู่ในทะเล แต่จริงๆแล้วมันคือสัตว์ที่สำเร็จวิชาพรางตัวขั้นสูง ในตระกูลไข่หน่อยหลายๆปีที่สร้างอวัยวะคล้ายก้านสำหรับเจาะพื้นหรือก้อนหินต่างๆ เพื่อพรางตัวกับปะการัง fashionista คือใครน้อยที่เสียการนั้นไปและกลายเป็นสัตว์ที่เคลื่อนที่อิสระแทนการเกาะอยู่กับที่ มันมีระยะทางยาวเปรียบได้เหมือนกับแขน โดยแต่ละข้างนั้นเต็มไปด้วยขาขนาดเล็กที่ใช้สำหรับการดักจับแมลงต่างๆ เป็นอาหารเหมือนมันจะประหารได้มันจะค่อยๆ ลำเลียงอาหารผ่านขาเล็กๆ ไล่ไปจนถึงปากที่อยู่กลางลำตัว ปกติมันไม่ว่ายน้ำไปมามากนักแต่เมื่อมันเคลื่อนที่ทำให้เกิดภาพที่น่าหลงใหล ทั้งสวยงามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

torches และ torches ถูกเรียกง่ายๆว่าปลาเมือก อวัยวะพวกมันมีเพียงปากและลำไส้เส้นเดียวยาวๆมีครีบและโปร่งใสจนสามารถมองทะลุได้ ภายในตัวนั้นไม่มีเซลล์เม็ดเลือดแดงอยู่เลยกล้ามเนื้อของพวกมันอย่างบางมาก และให้ออกเป็นแผ่นกว้างจริงๆแล้วพวกมันเป็นตัวอ่อนของสัตว์ที่เรารู้จักกันดี นั่นคือ ปลาไหลนั่นเอง โดยสภาพโปร่งใสนี้จะกินเวลาประมาณ 3 เดือน เมื่อเวลาผ่านไปลำตัวจะเร็วขึ้นแบบปลาไหลทั่วไปและมีสีที่เข้มขึ้นตามมา ด้วยการที่มันโปร่งใสจนมองทะลุได้นั้นช่วยทำให้มันรอดสายตาจากหน้าต่างๆได้นั่นเอง

ปอมเปอี Worm ลึกลงไปในเขตที่น้ำทะเลร้อนจนเดือดอยู่ตลอดเวลา ก็มีหนอนชนิดหนึ่งอาศัยอยู่อย่างสบายใจใต้ทะเลลึกตามรอยแยกบริเวณภูเขาไฟและแผ่นโลก จะมีปล่องไฮโดรเทอร์มอลซึ่งเกิดจากแม็กม่าปะทุขึ้นมา ก่อนจะเย็นลงจับกันเป็นก้อนอุณหภูมิของกล่องเหล่านี้สูงถึง 100 องศาเซลเซียสแต่ป้อม piam กับสามารถยึดเป็นบ้านแสนสุขของพวกมันได้ พวกมันมีหน้าตาแปลกประหลาดพวกมันยาวได้ถึง 13 cm บนหัวมีหนวดรูปร่างคล้ายขนนกใช้สำหรับหายใจ ส่วนลำตัวเต็มไปด้วยคนที่เป็นความลับทำให้สามารถอาศัยในที่ร้อนจัดได้ ซึ่งขนเหล่านี้จริงๆแล้วคือแบคทีเรียที่เป็นดังฉนวนกันความร้อนการศึกษาพวกมันยังทำได้ยาก เพราะมันไม่สามารถทนต่อแรงดันที่เปลี่ยนกะทันหันบนผิวโลกได้ ความลับของมันจะมีประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆได้เป็นอย่างมาก

kerry มองผ่านๆใครจะเชื่อว่านี่เป็นสัตว์จริงๆ เจ้าก้อนสีแดงนี้อาศัยอยู่ในทะเลลึกที่ไร้แสงสาดส่องจากผิวน้ำมันอยู่ในตระกูลของคอม Jelly ซึ่งแต่ละตัวนั้นมีโทนสีที่แตกต่างกันออกไปแต่บัดดี้เบอรี่คอม Jelly ทุกตัวนั้นมีจุดที่เหมือนกันคือ ท้องสีแดงเหมือนเลือด ในทะเลลึกสีแดงนั้นจะดูเหมือนสีดำ จึงทำให้พวกมันพรางตัวเข้ากับความมืดได้ดี และเมื่อมันกินเหยื่อที่เรืองแสงเข้าไปท้องของมันก็สามารถช่วยปิดแสงเหล่านั้นได้ อีกสิ่งที่น่าสนใจคือมันยังมีแสงหลากสีส้มประกายรอบตัวอีกด้วย แสงเหล่านี้เกิดจากอวัยวะคล้ายผมที่เรียกว่าสี่เหลี่ยม ซึ่งใช้สำหรับการว่ายน้ำเมื่อ ซีเรียสขยับเป็นคลื่นจะทำให้เกิดการหักเหของแสงรอบตัวมันเกิดเป็นแสงสีรุ้งเคลื่อนไปรอบตัว ท่านั่งยังไม่เป็นประกายวาวพอมันยังขับถ่ายเป็นเจลลี่ที่มีแสงระยิบระยับอีกด้วย ธรรมชาติเองก็ดูเหมือนจะชอบไฟ rgb เหมือนกัน

Phantom jellyfish นึกภาพการลงไปในท้องทะเลลึกที่ดำมืด และนี่คือสิ่งที่คุณจะได้พบเจอ Phantom jellyfish ตัวแมงกะพรุนผีคือแมงกะพรุนขนาดยักษ์มันมีขนาดตั้งแต่ 1 เมตรถึง 10 เมตรของมันยาวและดูเหมือนผ้าที่ยืดยาวเรากับโบกพัดไปตามน้ำทะเล หนวดเหล่านี้ยื่นยาวออกไปอีกหลายเมตร พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับเพราะตั้งแต่พบเจอครั้งแรกในปี 1989 จนถึงปัจจุบัน มีการเจอมันอีกเพียงแค่ร้อยครั้งเท่านั้น ร่างกายที่เป็นวุ้นของมันทำให้มันทนต่อแรงกดดันมหาศาลในทะเลลึกได้ มองไกลๆขายจอมมารผู้ชั่วร้ายใต้พระภูมิสีดำจากนิยาย

Vampire squid เมื่อมีผีแล้วก็ต้องมีแวมไพร์หมึกตัวนี้มีสีแดงเข้มตาโตสีน้ำเงินหรือเขียว หนวดทั้ง 8 มีแผนยึดกันคล้ายผ้าคลุม หากมันถูกคุกคามมันจะเผยแพร่หนวดออกมาให้เห็น ตามหนวดจะมีหนามแหลมเรียงรายจำนวนมาก เพื่อใช้ในการล่ามันยังสามารถเรืองแสงสีฟ้าได้จากแบคทีเรียที่เก็บไว้ในตัวของมันเพื่อป้องกันตัวจากนักล่า นอกจากนี้ยังถือเป็น Living Fossil นั่นคือ มันคงสภาพนี้มาเป็นเวลาหลายล้านปีแล้ว หน้าตาที่น่ากลัวของมันทำให้แม้กระทั่งชื่อทางวิทยาศาสตร์ของมัน คือ แวมไพร์ roaches infernus ซึ่งแปลได้ว่าแวมไพร์จากอเวจี

พาบสะฟอน ฟองน้ำหน้าตาแปลกประหลาดเหมือนแผงกรองอากาศนี้ เป็นนักล่าที่ร้ายกาจอย่างไม่น่าเชื่อถือ ฟองน้ำฝิ่นเป็นสัตว์อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกกับรูปร่างที่แตกต่างจากฟองน้ำทั่วไป มันมีแฉกที่สามารถยื่นยาวออกไปได้หลาย 10 cm แต่ละแฉกนั้นมีก้านให้เรียงแถวตั้งเป็นเส้นตรง ด้านบนของก้านมีก้อนกลมบรรจุสเปิร์มสำหรับการสืบพันธุ์ แต่ละก้านนั้นยังมีหนามเล็กเรียงรายตลอดทั้งเส้น ในขณะที่ฟองน้ำชนิดอื่นๆกินแทนต้อนและสัตว์อื่นเป็นอาหารฟองน้ำกินกับเป็นสัตว์กินเนื้อ โดยมันอาศัยจังหวะเหยื่อเข้ามาติดกับแผนการของมัน หนามบนก้านนั้นจะช่วยแยกชิ้นส่วนของดีออกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะดูสารอาหารผ่านรูขุมขนของมัน มันอาศัยอยู่ในน้ำลึกมากทำให้การค้นหามันเป็นเรื่องยากและวิถีชีวิตของมันยังคงต้องศึกษากันต่อไป

ไพโรโซม ครั้งหนึ่งมีการพบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กับหน้าตาที่ชวนสงสัย มันดูเหมือนท่อขนาดใหญ่กลางทะเล ไร้ซึ่งอวัยวะอื่นใดนอกจากผิวหนังและมีช่องตรงกลาง บ้างว่าเป็นหนอนยักษ์บ้างว่ามันเป็นวัตถุลึกลับที่มนุษย์ไม่รู้จัก สิ่งนี้จริงๆแล้วคือไพโรโซมและมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเพียงตัวเดียว ไพโรโซมคืนนี้คนที่ร่วมกันของอีกสัตว์โปร่งใสคล้ายแมงกะพรุนซูอิกนั้นตัวเล็กมากจนเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่พวกมันก็สามารถรวมตัวกันขนาดใหญ่ได้มากกว่า 10 เมตร ซูอิกแต่ละตัวยังมีความสามารถในการเรืองแสงพวกมันจึงถูกเรียกกันว่า ไพโรโซม ที่ผสมคำระหว่างร่างกายและไฟแม้มันจะไม่ทำอันตรายกับมนุษย์ แต่การยึดติดกันเป็นผิวของพวกมันแข็งแรงมาก เมื่อพวกมันมีจำนวนมากขึ้นจึงขัดขวางทำให้การทำประมงยากขึ้นตามไปด้วย เคยมีการพบซากของนกเพนกวินที่ติดอยู่ในตัวของไพโรโซม เพราะมันไม่สามารถหาทางออกได้ พวกมันคือตัวอย่างความสามัคคีของธรรมชาติ และไพโรโซมไม่ใช่สถานที่แต่คือผู้คน

แต่ถึงอย่างไรก็ตามดังกล่าวทั้ง 10 ชนิดก็ยังถือเป็นแค่ส่วนเล็กๆในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่แน่นอนว่าภายนอกสีครามที่ถูกกล่าวขวัญว่า เป็นแหล่งธรรมชาติอันน่าพิศวงดีทางเลือกและมืดมิดเช่นนี้ ย่อมต้องมีสัตว์น้ำหรืออาจจะเป็นสัตว์ประหลาด สำหรับใครที่ชื่นชอบการเล่าเรื่องสัตว์ในตำนานของเรา สามารถกดติดตามเราได้เลยที่ พร้อมเหลา

ใส่ความเห็น