แสงเหนือ แสงสีมหัศจรรย์เหนือขั้วโลก

แสงเหนือ

แสงเหนือ คืออะไร เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมท้องฟ้าในบางพื้นที่ถึงเปล่งประกายสีสันราวกับภาพวาด สำหรับคนที่เคยเห็นสิ่งนี้มาแล้ว ต่างก็บอกเล่ากันว่า เหมือนกับได้หลงเข้าไปอยู่ในเทพนิยาย วันนี้ พร้อมเหลา จะพาผู้ชมทุกท่านไปไขปริศนาและสัมผัสประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์กับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่งดงามที่สุด ที่จะทำให้คุณต้องทึ่งไปกับพลังงานอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

แสงเหนือ หรือ ออโรร่า

ในอดีตกาล ผู้คนต่างให้ความสำคัญและมีความเชื่อที่หลากหลายเกี่ยวกับแสงอันน่าทึ่ง ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้ ได้ถูกตีความและเชื่อมโยงเข้ากับความเชื่อทางศาสนา ตำนาน และวัฒนธรรมของแต่ละชนเผ่า ทำให้สิ่งนี้กลายเป็นมากกว่าเพียงปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อและความหวังของผู้คนบางกลุ่มอีกด้วย

ว่ากันว่า ชาวเอสกิโม ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณขั้วโลกเหนือ มีความเชื่อว่าแสงเหนือคือวิญญาณของบรรพบุรุษที่กลับมาเยี่ยมเยียนลูกหลานบนโลกมนุษย์ แสงสีสันที่เปล่งประกายบนท้องฟ้าจึงเป็นเหมือนการสื่อสารและการให้พรจากบรรพบุรุษ ทำให้แสงชนิดนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรเคารพนับถือของพวกเขาเหล่านั้น ขณะที่ชาวไวกิ้ง กลุ่มนักรบผู้กล้าหาญจากยุโรปเหนือ เชื่อว่าออโรร่าคือเกราะของเหล่าวาลคิรี เทพธิดานักรบผู้รับใช้เทพโอดิน แสงระยิบระยับที่ส่องสว่างบนท้องฟ้าจึงเป็นเหมือนแสงสะท้อนจากเกราะของเหล่าวาลคิรีที่กำลังรบอยู่ในสรวงสวรรค์ ทำให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและเกียรติยศของนักรบ ความเชื่อเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของมนุษย์ในการทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ซับซ้อน แม้ว่าในปัจจุบันวิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายที่มาของแสงเหล่านี้ได้แล้ว แต่ความเชื่อและตำนานเหล่านี้ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของผู้คนในหลายภูมิภาค

แต่ความจริงแล้ว แสงเหนือนั้นคืออะไร? มาร่วมหาคำตอบกันครับ

แสงเหนือ หรือ ออโรร่า (Aurora) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่าทึ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น ด้วยแสงสีสันสดใสที่เปล่งประกายระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืนในบริเวณแถบขั้วโลก ทั้งขั้วโลกเหนือที่เรียกว่า แสงเหนือ และขั้วโลกใต้ที่เรียกว่า แสงใต้ ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์กับสนามแม่เหล็กโลกและบรรยากาศชั้นบนของโลก เมื่อลมสุริยะซึ่งเป็นกระแสอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าพุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์มาปะทะกับสนามแม่เหล็กโลก อนุภาคเหล่านี้จะถูกดึงดูดเข้าสู่ขั้วโลกทั้งสอง

เมื่ออนุภาคเหล่านี้ชนเข้ากับอะตอมและโมเลกุลของก๊าซในชั้นบรรยากาศ เช่น ออกซิเจนและไนโตรเจน พลังงานที่เกิดจากการชนจะถูกปลดปล่อยออกมาในรูปของแสงสีต่างๆ ที่เราเห็น สีของแสงที่ปรากฏขึ้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของก๊าซที่ถูกชนและระดับความสูงที่เกิดปฏิกิริยา โดยทั่วไปแสงสีเขียวจะเกิดจากการชนกับอะตอมของออกซิเจนในระดับความสูงปานกลาง ส่วนแสงสีแดงจะเกิดจากการชนกับอะตอมของออกซิเจนในระดับความสูงที่สูงขึ้นไป และแสงสีม่วงและสีน้ำเงินจะเกิดจากการชนกับโมเลกุลของไนโตรเจน

แสงเหนือและแสงใต้ไม่ได้ปรากฏเป็นเพียงแสงสีสันคงที่ แต่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและสีสันอย่างต่อเนื่อง อาจปรากฏเป็นริ้วแสง ม่านแสง หรือแม้แต่เป็นจุดแสงกระจายทั่วท้องฟ้า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของความเข้มของลมสุริยะและสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนที่และปฏิกิริยาของอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า ปรากฏการณ์แสงทั้งสองนี้ ไม่เพียงแต่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามตระการตาเท่านั้น แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนและน่าสนใจทางวิทยาศาสตร์ จึงเกิดเป็นกรณีศึกษา ทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจถึงกระบวนการต่างๆ ในอวกาศและบรรยากาศโลกได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ความหมายของชื่อแสงเหนือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่งดงามและเต็มไปด้วยความลึกลับนี้ มีชื่อเรียกมากมายหลากหลายภาษา แต่ชื่อที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวงการวิทยาศาสตร์คือ ออโรรา บอเรลลิส (Aurora Borealis) ซึ่งเป็นภาษาละตินมีความหมายว่า “รุ่งอรุณสีแดงแห่งทิศเหนือ” ชื่ออันไพเราะนี้ถูกตั้งขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่าง กาลิเลโอ กาลิเลอิ

สำหรับใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะได้สัมผัสประสบการณ์ตรง อยากไปรับชมแสงชนิดนี้ด้วยตาเนื้อสักครั้งในชีวิต ทางพร้อมเหลา ขอเป็นตัวแทนชี้เป้า แนะนำสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชม ให้กับทุกคนเองครับเริ่มต้นกันที่ สวีเดน ประเทศแห่งธรรมชาติอันบริสุทธิ์และความสงบสุข เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะไปสัมผัสแสงมหัสจรรย์ โดยเฉพาะที่ อุทยานแห่งชาติอาบิสโก (Abisko National Park) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ห่างจากเมืองหลวงสต็อกโฮล์มประมาณ 1,200 กิโลเมตร ด้วยสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและตำแหน่งที่ตั้ง ทำให้อุทยานแห่งชาติอาบิสโกมีท้องฟ้าที่สดใส เหมาะสำหรับการชมอย่างยิ่ง

มาต่อกันที่ ประเทศ รัสเซีย ที่ไม่ได้มีดีแค่เมืองหลวงอย่างมอสโกที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม แต่ยังเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการชม โดยเฉพาะเมือง มูร์มันสก์ (Murmansk) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตอาร์กติกของรัสเซีย มีทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลและภูเขา นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกมากมายรออยู่ เช่น สัมผัสประสบการณ์ตกปลาในทะเลที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ขับรถสโนว์โมบิล ลุยหิมะไปตามเส้นทางที่สวยงาม หรือจะ เพลิดเพลินกับการนั่งรถลากเลื่อนโดยสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ สำหรับอีกหนึ่งเมืองที่แนะนำคือ เมืองกีรอฟสก์ (Kirovsk)  เป็นเมืองที่รายล้อมไปด้วยเทือกเขาและป่าไม้ มีสภาพอากาศหนาวเย็น เหมาะสำหรับการเล่นสกีและกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสสูงที่จะได้ชม เนื่องจากท้องฟ้าในบริเวณนี้ค่อนข้างปลอดโปร่ง ซึ่งทั้งสองเมืองตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศใกล้กับประเทศฟินแลนด์ สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการชมที่รัสเซียคือ ปลายเดือนกันยายนถึงปลายเดือนมีนาคม ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีเวลากลางคืนยาวนานและท้องฟ้ามืดสนิท

ไอซ์แลนด์ นับว่าเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่หลงใหลในออโรร่าเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่ท้องฟ้ามืดสนิท เราจะได้เห็นแสงออโรร่าฟุ้งกระจายเต็มท้องฟ้าอย่างตระการตา ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ที่ไม่มีอะไรมาบดบังสายตา ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหลวงอย่าง เรคยาวิก (Reykjavík) ที่แม้จะมีแสงไฟเมืองบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมองเห็นแสงได้อย่างชัดเจน หรือจะเลือกเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติซิงเควลลีร์ ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และธรณีวิทยา เพื่อสัมผัสประสบการณ์ชมท่ามกลางทิวทัศน์ของทะเลสาบขนาดใหญ่ รอยแยกของเปลือกโลก และภูเขาไฟที่รายล้อมอยู่โดยรอบ การเยี่ยมชมที่ประเทศไอซ์แลนด์จึงเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน

นอร์เวย์ อีกหนึ่งประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่องการชมออโรร่า โดยเฉพาะเมืองทรอมโซ (Tromso) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศและอยู่ในวงแหวนแสงออโรร่าพอดี ทำให้มีโอกาสได้เห็นแสงสวยๆได้ชัดเจนกว่าที่อื่นๆ นอกจากจะได้รับชมแล้ว เมืองทรอมโซยังมีบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนและสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง หรือถ้าใครอยากจะลองสัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ก็สามารถนั่งเรือสำราญไปตามรอบๆชายฝั่งเพื่อชมได้เช่นกัน ซึ่งจะเป็นการผจญภัยที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากเมืองทรอมโซแล้ว เมืองอันเดเนส (Andenes) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

การได้เห็นแสงเหนือสักครั้งในชีวิตนั้น อาจเป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายๆคน เพราะเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ และคงจะเต็มไปด้วยความประทับใจ หากใครมีโอกาสได้ไปสัมผัสกับความสวยงามของแสงเหล่านี้มาบ้างแล้ว ก็สามารถคอมเมนต์บอกเล่าความรู้สึกกันได้นะครับ ก่อนจากกันไป อย่าลืม กดไลค์ กดแชร์ กดสับสไคร์บ และกดกระดิ่งแจ้งเตือนไว้ เพื่อที่จะไม่พลาดคลิปใหม่ๆของพวกเรา สำหรับวันนี้ พร้อมเหลา ขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ

ใส่ความเห็น