Blanche Monnier หญิงที่ถูกแม่แท้ๆขัง 25 ปี !!
หญิงสาวคนหนึ่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไร้แสงเดือนแสงตะวันเป็นเวลาถึง 25 ปี เธอต้องอดอาหารและอาศัยอยู่ในห้องมืดที่สกปรกน่าสะอิดสะเอียน โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังความทารุณนี้ ใครจะเชื่อว่าคือผู้เป็นแม่แท้ๆที่ให้กำเนิดเธอมานี่เอง Blanche Monnier เกิดมา 1 มีนาคม 1849 ตระกลูมูลเย้เป็นตระกลูชนชั้นสูง และเป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตาของชาวเมืองปูติเย้ในฝรั่งเศส เคมีมูลเย้ผู้เป็นพ่อเป็นศาสตราจารย์ด้านวาทะศิลป์รวมถึงเคยรับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการคณะศิลปะในมหาวิทยาลัยปูตีเย้ ลูวิต แม่ของเธอชอบเข้าสังคมเธอเป็นที่รู้จักเข้าไปในชนชั้นสูง อีกทั้งยังเข้าร่วมงานการกุศลประจำ เธอได้รับรางวัลเชิดชูเป็นพลเมืองตัวอย่าง จากการที่เธอบริจาคให้กับสาธารณะอยู่เสมอ บลานช์มีพี่ชายที่เกิดก่อนเธอ 1 ปีชื่อ mazel เขาได้รับการศึกษาที่ดีก่อนจะเติบโตขึ้นเป็นทนายที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงครอบครัวที่สมบูรณ์จากการแต่งงานกับหญิงสาวผู้ดีชาวสเปน ด้วยหน้าที่การงานทำให้เขาต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองต่างๆหลายปี บลานช์เติบโตกลายเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย
ด้วยฐานะและตระกลูที่ทำให้ทุกครั้งที่เธอออกงานสังคม หรือจะได้รับความสนใจจากชายหนุ่มมากมาย มีจดหมายจำนวนมากมายส่งมาหาเธอเพื่อแสดงความสนใจในการเป็นตัวเลือกตอบ บลานช์ แต่แม้จะมีชายหนุ่มหน้าตาดีจากครอบครัวที่ร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงติดต่อเข้ามาเท่าไหร่ บลานช์ กลับปฏิเสธและไม่สนใจพวกเขาเหล่านั้น เธอยังโสดอยู่จนกระทั่งเธออายุได้ 26 ปี ซึ่งนั่นสร้างความกังวลให้กับพ่อและแม่ของเธอ ด้วยความกลัวว่าลูกสาวจะเลยวัยแต่งงานของคนยุคนั้น พ่อและแม่ของเธอพยายามแนะนำตัวเลือกที่พวกเขาคิดว่าเหมาะสมให้กับเธอ แต่เธอก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับพวกเขาเหล่านั้น ทำให้เกิดมีปากเสียงกับครอบครัวของเธอเป็นประจำ จนกระทั่งเธอหายตัวไป ปี 1876 บลานช์หายหน้าหายตาไปจากสังคม เมื่อทุกคนถามถึงเธอกับครอบครัวก็จะได้คำตอบว่า เธอถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนประจำในเมืองอื่น แล้วไม่มีโอกาสได้กลับมาที่บ้านเกิด ในขณะที่เพื่อนบ้านได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาว เมื่อถูกถามถึงครอบครัวกับตอบว่าเธอเสียสติและเก็บตัวอยู่ในห้อง
เพราะว่าเมื่อผ่านไปหลายปีก็ยังไม่มีวี่แววของหญิงสาว แม่ของเธอบอกกับทุกคนว่าบลานช์ได้ไปเริ่มชีวิตใหม่ห่างไกลจากครอบครัวถึงสกอตแลนด์ ก่อนที่สุดท้ายครอบครัวจะจัดงานศพให้กับบลานช์ ที่พวกเขาอ้างว่าได้เสียชีวิตลงไปแล้วทำให้ผู้คนเริ่มลืมๆหญิงสาวผู้นี้ไป และใช้ชีวิตกันตามปกติ โดยไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาเก็บซ่อนความลับที่โหดร้ายเกินกว่าจะจินตนาการได้ 23 พฤษภาคม ปี 1911 มีจดหมายปริศนาส่งมาที่สำนักอัยการแห่งปารีส ในจดหมายเป็นลายมือเขียนแบบวัตๆ กับข้อความที่กล่าวถึงเรื่องราวพิสดารในบ้านหมู่ใหญ่ว่า อัยการสูงสุดเป็นเกียรติของข้าพเจ้าที่จะได้รายงานเหตุการณ์ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง พระเจ้าได้พูดคุยกับหญิงนางหนึ่งที่ถูกกักขังอยู่ภายในบ้านของมาดามมูลเย้ ตำรวจเข้าค้นแม้เจ้าบ้านจะไม่ยินยอม แต่ก็ไม่อาจขัดต่ออำนาจศาลได้ มาดามหลุยส์ในเวลานั้นอายุ 75 ปีแล้ว ผู้ที่รับผิดชอบจึงเป็นมาเซลล์หมุนเย้ลูกชายวัย 53 ที่ย้ายกลับมาอยู่บ้านไหนฝั่งตรงข้าม เจ้าหน้าที่ค้นหาตามห้องต่างๆภายในบ้าน จากชั้น 1 ถึงชั้น 2 แต่พวกเขาก็ยังไม่พบเจอกับสิ่งผิดปกติใดๆ
ก่อนที่จะสะดุดกับประตูห้องใต้หลังคาที่ถูกล็อคด้วยกุญแจ เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้เปิดห้องนี้ แล้วทันทีที่ประตูออกสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนก็โชยฟุ้ง พร้อมกับภาพที่สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ข้างในห้องเล็กๆมืดสนิทจากการที่หน้าต่างถูกตอกไม้ปิดไว้ ทำให้ไม่มีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาได้ ผ้าม่านนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น จากการที่มันไม่ได้รับการดูแลมาหลายปี ที่กลางห้องมีผ้าห่มที่เก่าและสกปรก รอบข้างเต็มไปด้วยเศษขยะอาหารและหมูเน่าเสียแห้ง บนฟูกนะมีร่างของคนคนหนึ่งนอนอยู่ ร่างนั้นผอมแห้งจนดูเหมือนโครงกระดูกก่อนจะพบว่า เป็นผู้หญิงที่นอนเปลือยเปล่า ผมของเธอดกดำยาวจนปกปิดตัวเธอได้ เมื่อชั่งน้ำหนักของเธอแล้วได้เพียง 25 กิโลกรัมเท่านั้น ตามผนังมีรอยสลักและรอยขีดเขียนที่กล่าวถึงอิสรภาพ หลังสอบสวนจากคนใช้และครอบครัว ทำให้ทราบว่าหญิงคนนี้คือบลานช์ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าตายไปแล้ว บลานช์ที่ตอนนี้อายุ 52 ปี อยู่ในสภาพอิดโรยขาดสารอาหาร เธอไม่สามารถลุกขึ้นนั่งหรือยืนได้แบบคนปกติ ทำได้เพียงขยับร่างกายช้าๆ
เธอถูกนำส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาทันที เธอปลื้มใจมากหลังได้รับการดูแลจากพยาบาล เธอได้อาบน้ำทำความสะอาด และได้ทานอาหารที่ควรได้รับ แม้จะได้รับการช่วยเหลือแต่ประสบการณ์ที่เธอต้องเผชิญในห้องมืดเป็นเวลานาน ส่งผลต่อจิตใจเธออย่างมาก ในช่วงแรกเธอไม่สามารถสื่อสารรู้เรื่องได้ รับการเยียวยาเธอจึงสามารถสนทนาประโยคสั้นๆได้ ร่างกายของเธอทนทุกข์ทรมานเป็นเวลานาน จนอ่อนแอเกินกว่าจะออกสู่สังคมแบบคนปกติได้ เธอจึงต้องอาศัยที่โรงพยาบาลจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต เธอเสียชีวิตวันที่ 13 ตุลาคม 1913 ในโรงพยาบาลจิตเวชบัวของฝรั่งเศสในวัย 64 ปี ทำไมคนคนหนึ่งถึงต้องพบเจอกับโศกนาฏกรรมที่โหดร้ายถึงเพียงนี้ ในวันที่บลานช์อายุได้ 26 ปี เธอปฏิเสธชายทุกคนที่ครอบครัวเลือกให้ เพราะเธอมีชายในใจอยู่แล้วเขาคนนั้นคือวิคเตอร์ Camel ในขณะที่ครอบครัวอยากให้เธอคบหากับชายอายุน้อย มีฐานะในอาชีพการงานที่ดีให้เหมาะสมกับตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่คนที่บลานช์เลือกกับเป็นนักกฎหมายที่อาศัยเขาอายุมากกว่าเธอเกิน 10 ปี
ยังมีฐานะที่แย่กว่า พ่อและแม่ของบลานช์บังคับให้เธอตัดใจจาก Victor แต่บลานช์ไม่ยอม จนถึงขั้นที่เธอจะหนีไปกับชายที่เธอรักมีผู้ที่เชื่อว่าอาจจะตั้งท้องกับวิคเตอร์ ทำให้ครอบครัวเธอหมดความอดทน และเลือกทำสิ่งที่เลวร้ายกับเธอ แม่ของเธอวางแผนหลอกให้เธอขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคา ก่อนจะปิดประตูขังเอาไว้ โดยยื่นคำขาดว่าจะไม่เปิดให้จนกว่าเธอจะเลิกติดต่อกับวิคเตอร์ ในตอนแรกผู้เป็นแม่เชื่อว่าไม่นานเธอก็จะยอมแพ้แล้วทำตามที่เธอต้องการ แต่ผลลัพธ์นั้นตรงกันข้ามบลานช์ไม่เคยยอมรับคำนั้นเลย หน้าต่างของห้องนั้นถูกปิดเพื่อให้คนภายนอกมองเห็นได้ แม้แต่แสงอาทิตย์ก็ยังส่งไปไม่ถึงอาหารที่เธอได้ทานเป็นเพียงส่วนแบ่งจากมื้อของครอบครัว จากวันผ่านไปเป็นเดือนจากเดือนผ่านไปเป็นปี บลานช์ยังถูกขังเอาไว้เพราะเธอไม่ยอมแพ้ต่อครอบครัวของเธอ พ่อของเธอตายไปพร้อมกับความลับของร้อนในปี 1882 ทำให้บทลงโทษอันน่าสลดใจตกอยู่ในกำมือของผู้เป็นแม่ที่เข้มงวดยิ่งกว่า แม้กระทั่งในตอนที่คนรักของเธอจากไปแล้วในปี 1885
เธอก็ยังไม่ได้รับอิสรภาพ เธอถูกกระทำด้วยความเลวร้ายลงเรื่อยๆ โดยไร้ซึ่งการแต่งภายในภายนอกรู้ แม้ทุกคนในบ้านตั้งแต่คนในครอบครัวคนใช้จนถึงหมอที่เข้ามาดูอาการ ก็ไม่เคยปริปากถึงเรื่องนี้เลย หลังจากถูกขังเป็นเวลา 20 ปี แม่บ้านคนสนิทและใกล้ชิดกับร้อนที่สุดได้ตายลง ทำให้บทลงโทษของเธอยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ห้องและที่นอนของเธอถูกละเลยไม่ได้ทำความสะอาด อาหารที่ได้น้อยอยู่แล้วก็น้อยลงไปอีก ก่อนที่ในปี 1899 จะมีการรับสมัครคนงานใหม่เข้ามา 2 คนซึ่งเมื่อผ่านไป 2 ปี หนึ่งในคนงานก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน เธอรักรอบนำคนรักที่เป็นนายทหารเข้ามาในห้องขังของบลานช์ ซึ่งเชื่อว่าเขาเป็นผู้เขียนจดหมายสำคัญที่ทำให้บลานช์รอดจากนรกแห่งนี้ เพราะหลังจากเขาได้พบเห็นกับหญิงผู้โชคร้ายเพียง 5 วัน จดหมายลึกลับนั้นก็ถึงมือสำนักอัยการแห่งปารีส แม้ว่าเธอจะรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายนี้ได้ แต่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบก็ไม่ได้รับการตัดสินที่สมควรกับความโหดร้ายที่ทำลงไป แม่และพี่ชายของเธอถูกจับกุมทันทีในวันที่เธอถูกพบ
ผู้เป็นแม่ถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกคุมขัง ก่อนจะเสียชีวิต 15 วันต่อมาด้วยปัญหาโรคหัวใจ หลังจากเห็นผู้คนออกตัวเรียกร้องความยุติธรรมนอกรั้วบ้านของเธอ ส่วนพี่ชายมาเซลล์ได้ถูกตัดสินจำคุก 15 เดือน ในฐานผู้สมรู้ร่วมคิดแต่เขายื่นอุทธรณ์และถูกตัดสินให้พ้นผิด ด้วยเหตุผลที่ว่าเขามีปัญหาทางจิตและยังไม่มีกฎหมายระบุเกี่ยวกับการละเลยการช่วยชีวิตผู้อื่น นอกจากนี้มาเซลล์ยังมีกิริยาก้าวร้าวทำร้ายตัวเองและผู้อื่น รวมถึงบอกว่าเธอสามารถออกจากห้องนั้นได้ทุกเมื่อ แต่เธอเลือกที่จะอยู่แบบนั้นเอง มาเซลล์มีชีวิตต่อมาด้วยความผิดจนกระทั่งเสียชีวิตปีเดียวกันกับน้องสาวในปี 1913 น่าเศร้าที่สุดท้าย บลานช์ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยจนกระทั่งเธอจากไป ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่คนในครอบครัวด้วยกันเองทำกันได้ลง แค่เพียงเพราะเธอต้องการมีชีวิตรักที่เลือกเอง แต่กลับถูกกีดกันและเรียบร้อยเสร็จหลายๆอย่าง ทำให้ไม่ใช่แค่สภาพร่างกายที่ย่ำแย่ แต่จิตใจของเธอคงแหลกสลายไปด้วยเหมือนกัน
เรื่องราวน่าเวทนาของหญิงสาวที่ยึดมั่นในความรักนั้น ไม่ได้จบลงอย่างสวยงามยุติธรรม แต่ก็ได้รับความสนใจและถูกนำไปเขียนเป็นหนังสือและผลงานต่างๆ โดยอย่างน้อยหวังว่า เรื่องราวของเธอจะเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงโศกนาฏกรรมให้สังคมได้รับรู้ต่อไป ดูเสร็จอย่าลืมกดติดตามช่อง พร้อมเหลา ให้ด้วยนะครับ