God's army กองกำลังนักรบกับคดีบุกยึดโรงพยาบาล
ย้อนกลับไปเมื่อปีพุทธศักราช 2542 และ 2543 ประเทศไทยกำลังต่างชาติเข้ามาเพื่อจับคนไทยหลายคนเป็นตัวประกัน จนทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัวต่อกองกำลังนี้ พวกเขาคือกองกำลังของเมียนมาร์ที่มีหัวหน้าเป็นเด็ก 2 คนอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น ก๊อตอาร์มี่กองกำลังที่นำโดยเด็กชายฝาแฝดชาวกะเหรี่ยง 2 คนมีอายุเพียง 12 ปี ก็คือ จอนนี่และลูเธอร์ทูกับฉายาเด็กลิ้นดำ จอนนี่และลูเธอร์ทูเกิดเมื่อปี 2531 ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้ๆกับ god’s Mountain ประเทศเมียนมาร์ มีคนสันนิษฐานว่าจอนนี่และลูเธอร์ทูเข้าร่วมกับกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง Kevin National liberation Army ตามรอยพ่อของพวกเขาตั้งแต่ตอนอยู่อนุบาล พออายุได้ 12 ปี พวกเขาสามารถรวบรวมกำลังพลได้มากถึง 200 คนและก่อตั้ง God Army กองกำลังชาวกะเหรี่ยงผู้นับถือศาสนาคริสต์เพื่อต่อสู้และเรียกร้องอิสรภาพจากรัฐบาลเมียนมาร์ หลังถูกปกครองด้วยความชาตินิยมและกีดกันชนกลุ่มน้อยอย่างพวกเขา
รวมถึงชนเผ่าอีกหลายชนเผ่าในเมียนมาร์ ก๊อตอามี่เคยมีความเกี่ยวข้องกับประเทศไทย นั่นก็คือ การบุกเข้ามาจับคนไทยเป็นตัวประกันถึง 2 ครั้ง และกลายเป็นข่าวใหญ่และดังมากๆในสมัยนั้นอีกด้วย ถึงแม้จะผ่านมา 20 กว่าปีแต่ก็ยังเป็นเหตุการณ์ที่ถูกนำกลับมาเล่าใหม่อยู่เรื่อยๆ เหตุการณ์การบุกรุกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมพุทธศักราช 2542 ก๊อตอามี่นำโดยนักศึกษาเมียนมาร์อีกจำนวน 12 คน บุกสถานทูตเมียนมาร์ในประเทศไทยและจับคนไทยอย่างนั้นเป็นตัวประกัน เหตุผลที่ว่าเขาทำแบบนั้นเพราะต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาร์ปล่อยตัว อองซานซูจี แต่รัฐบาลเมียนมาร์ไม่ยอมรับข้อเรียกร้อง หลังจากนั้นมีตัวประกันบางส่วนสามารถออกมาจากสถานทูตได้ ฝ่ายก๊อตอามี่เองก็ยอมถอย และได้ขอให้ทางไทยช่วยส่งเฮลิคอปเตอร์มารับเพื่อพาพวกเขาไปส่งบริเวณชายแดนเมียนมาร์ ฝั่งประเทศไทยตกลงจะนำเฮลิคอปเตอร์ไปรับ โดยมีหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์บริพัตรอาสาย่อมเป็นตัวประกันนั่งไปด้วย
เพื่อต้องการยืนยันความปลอดภัยของตัวประกันคนอื่นๆ บทสรุปของเหตุการณ์ที่ถือตัวประกันทุกคนปลอดภัย และก๊อตอามี่กลับประเทศเมียนมาร์ได้สำเร็จ แต่พวกเขากลับเข้ามาอีกครั้งในวันที่ 24 มกราคมพุทธศักราช 2543 ด้วยจำนวนกองกำลังทั้งหมด 10 คนกับผู้นำคนที่มีชื่อว่า Beta ครั้งนี้เขาล้อมตัวขึ้นรถเมล์และใช้อาวุธคู่คนขับให้พาพวกเขาเข้าไปในโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี จังหวัดราชบุรี รวมถึงจับตัวคนในโรงพยาบาลเป็นตัวประกันประมาณ 1000 คน แต่ในเหตุการณ์ครั้งที่ 2 นี้ไม่ใช่การบุกรุกเพื่อเรียกร้องทางการเมืองโดยตรง แต่ต้องการให้ประเทศไทยส่งหมอและพยาบาลไปรักษาทหารชาวกะเหรี่ยงที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ทางการเมืองอีกที และต้องการไม่ให้ประเทศไทยเค้มงวดกับชาวกะเหรี่ยงที่หลบหนีเข้ามาในประเทศมากเกินไป และก๊อตอามี่ได้เลือกวางระเบิดไว้บริเวณรอบโรงพยาบาลเพื่อขัดขวางการช่วยเหลือตัวประกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนจากวิธีรุนแรงเป็นวิธีประนีประนอมแทน
โดยผู้เจรจากับก๊อตอามี่เป็นเวลาถึง 20 ชั่วโมง จนกระทั่งวันที่ 25 มกราคมพุทธศักราช 2543 ฝ่ายไทยเรียกกำลังเสริมมาหลายหน่วยงานและช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้ส่วนฝ่าย God Army ทุกคนที่เข้ามาเสียชีวิตจากการปะทะครั้งนี้ สุดท้ายหัวหน้าก๊อตอามี่อย่าง จอนนี่และลูเธอร์ทูและลูกน้องอีก 55 คนยอมมอบตัวกับทางไทยในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ 2544 และได้ถูกส่งตัวไปยังค่ายลี้ภัยของไทย ดูจากภาพของจอนนี่และลูเธอร์ทูจนมาถึงตอนนี้ ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมพวกเขาจึงถูกเรียกว่าเด็กลิ้นดำ ทั้งๆที่ลิ้นของพวกเขาก็ไม่ได้ดำเลย นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ใช่เด็กลิ้นดำตัวจริงขนที่ลิ้นดำตัวจริงก็คือ จอปาซูปรี เด็กชาวกะเหรี่ยงอายุ 10 ปีคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นหัวหน้าของก๊อตอามี่มาก่อนหน้านี้ ก่อนที่จอปาซูปรีจะเสียชีวิตไปเพราะโรคทางเดินหายใจ แล้วจะย้อนกลับไปถึงเหตุผลที่ว่าทำไมชาวบ้านจึงยอมให้เด็กผู้ชายอายุแค่ 12 ปีเป็นผู้นำของคนจำนวนมาก
เพราะเขาเชื่อว่าจอนนี่และลูเธอร์ทูคือพระเมสสิยาห์กลับชาติมาเกิด พวกเขายังบอกอีกว่าเคยเห็นลูเธอร์ทูเดินบนน้ำได้ และเคยเห็นจอนนี่กลายร่างเป็นชายแก่เวลาไปอาบน้ำที่ลำธาร หลังจากผ่านเหตุการณ์ทั้งหมดมาระยะหนึ่งสองพี่น้องจอนนี่และลูเธอร์ทู ได้กลับไปใช้ชีวิตภายนอกในปีพุทธศักราช 2552 และยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน โดยจอนนี่ในเลือกกลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศเมียนมาร์ แต่ลูเธอร์ทูเลือกไปที่เมืองจอเฟเน้ประเทศสวีเดน และทำงานเป็นคนดูแลผู้สูงอายุในศูนย์ของชุมชน ซึ่งการใช้ชีวิตในต่างประเทศของลูเธอร์ทูอาจจะดีกว่าตอนที่อยู่ในประเทศไทยและเมียนมาร์ แต่ก็ต้องเรียนรู้และปรับตัวเยอะมากๆเพราะวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ถึงแม้เรื่องราวจะจบลงไปแล้วแต่เจ้าหน้าที่ของไทยยังถูกตั้งคำถามว่า ทำไมถึงต้องสังหารก๊อตอามี่ทั้งหมดแบบนั้น
ทั้งๆที่พวกเขายอมเจรจาด้วยดีๆโดยไม่ได้ทำร้ายตัวประกัน เพราะเขาแค่ต้องการให้บุคลากรทางการแพทย์ของไทยไปช่วยรักษาคนของพวกเขาเท่านั้น แถมยังมีคนออกมาบอกอีกว่าในตอนนั้นมีคนใน got Army ยกมือในระหว่างการปะทะ แต่ตำรวจไทยไม่แน่ใจว่ายกมือขอยอมแพ้หรือเป็นแผนหลอกให้ตายใจอีกที ดังนั้น เพื่อการควบคุมสถานการณ์เสียงต่อชีวิตของตัวประกัน เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเคลียร์พื้นที่ให้มั่นใจว่าปลอดภัยที่สุด และพยายามปิดช่องว่างของก๊อตอามี่ไม่ให้หันมาทำร้ายตัวประกัน
เพื่อนๆที่ได้ชมคลิปนี้มีความคิดเห็นอย่างไรกับเหตุการณ์นี้กันบ้างครับ หรือมีใครทันเหตุการณ์ในช่วงนั้นบ้าง สามารถ comment แลกเปลี่ยนกันได้ด้านล่างคลิปนี้เลย หากสนใจอ่านเรื่องเล่าต่อๆไป สามารถเข้าดูได้ที่ พร้อมเหลา