Edward Gein ฆาตกรกับของสะสมจากชิ้นส่วนมนุษย์

Edward Gein

Edward Gein ฆาตกรสะสมชิ้นส่วนมนุษย์

ฆาตกรถลกหนัง ed gein เขาเป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกันผู้ที่ก่อเหตุอาชญากรรมในอดีต โดยเขาได้ขุดศพขึ้นมาเอาชิ้นส่วนของร่างกายมาทำเป็นเครื่องใช้ในบ้านของสะสม และของตกแต่งบ้านอีกมากมาย เป็นข่าวอื้อฉาวที่โด่งดังไปทั่วโลกและเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละครของนักเขียน โรเบิร์ดบล็อก ในนวนิยายปี 1959 เรื่อง Psycho และถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังหรือตัวละครที่ใช้การในภาพยนตร์เรื่อง Texas chainsaw massacre ตลอดจนถูกนำไปสร้างเป็นตัวละครฆาตกรที่มักจะไล่ฆ่าผู้หญิง เพื่อชิ้นส่วนของผู้หญิงที่ถูกฆ่ามาทำเป็นชุดห่มคลุมร่างกาย ในนิยายหรือภาพยนตร์ที่ได้รางวัลออสการ์อย่าง The Silence of the lambs approved โดยเอ็ดเกิดเมื่อวันที่ 27 AUGUST 1906 ที่เมืองลากอสเคาน์ตี้รัฐวิสคอนซินสหรัฐอเมริกา พ่อของเขาชื่อว่า GEORGE PHILIP GE

ส่วนแม่ชื่อว่า ออกัสก่า และเขายังมีพี่ชาย 1 คนคือ แฮนรี่จอร์ดกิง ในประมาณปี 1915 ออกัสก่าแม่ของเขาได้ขายร้านของชำที่ลาคลอส และย้ายครอบครัวไปอยู่ที่บ้านไร่นอกเมือง ปินฟิวส์ เมื่อตอน ed gein อายุได้ 8 ขวบ เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฟาร์มของครอบครัวในปินฟิวส์กับแม่และพ่อของเขา เอ็ดและพี่ชายเขาเติบโตมาเพราะการถูกเลี้ยงดูไม่ค่อยดีนัก ในแต่ละวันพวกเขาทั้งสองแทบจะไม่ได้ออกไปเล่นข้างนอกกับเด็กคนอื่นเลย แม่ของเขาจะชอบเข้มงวดศาสนามุ่งมั่นที่จะเลี้ยงดูลูกชายตามหลักศีลธรรม และปลูกฝังคำสอนของพระคัมภีร์ไบเบิลให้กับลูกทุกวัน และยังปลูกฝังอะไรที่มันผิดๆให้กับลูกชายว่า โลกนี้มันโหดร้ายผู้หญิงทุกคนล้วนเป็นโสเภณีและเป็นเครื่องมือของซาตานยกเว้นตัวเอง ส่วนพ่อเขาก็ติดสุราสูบบุหรี่ทำร้ายคนในครอบครัว แม่ของเขาเลี้ยงดูเขามาแบบเด็กหญิงทำให้เขาเป็นเด็กขี้อาย ท่าทางให้เด็กผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากความปรารถนาของผู้ที่เป็นแม่อยากได้ลูกสาว แต่กลับได้ลูกชายมาถึง 2 คน

ชีวิตในโรงเรียนของเอ็ดไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ เพราะเอ็ดเป็นเด็กขี้อายเกินไปนิสัยเขาจะคล้ายกับผู้หญิง ทำให้เพื่อนไม่ชอบและไม่อยากคบหากับเอ็ดอีกด้วย แต่เมื่อเอ็ดพยายามจะเข้าสังคมกับกลุ่มเพื่อนๆ แม่ของเขาก็มักจะดุด่าและกีดกั้นให้เอ็ดได้ออกจากสังคมเพื่อนในโรงเรียน แม่ของเขาก็จะบอกว่าคนพวกนั้นมาจากครอบครัวที่แย่และไม่ดี และแม่เขายังบอกอีกด้วยว่าเขาไม่อยากให้เอ็ดนั้นเป็นคนขี้แพ้เหมือนกับพ่อเขา เอ็ดได้ดรอปการเรียนไปในที่สุด พี่ชายเขาก็เลยได้กลับมาทำงานได้เตรียมเวลาและได้เข้าไปหางานทำในเมือง เขาได้งานเป็นช่างซ่อมบำรุงแขวนหน้าต่างทาสีบ้านและซ่อมแซมรั้ว จากนั้นในปี 1940 พ่อเขาได้เสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวาย หลังจากที่พ่อเขาเสียพี่ชายและแม่ของเขาก็ต้องช่วยกันดูแลฟาร์มของครอบครัว ในเวลาต่อมาเขาได้กลับมาทำงานช่างซ่อมบำรุง และเอ็ดก็ได้ทำงานให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างถนนอีกด้วย ส่วนพี่ชายของเขาก็ได้พบรักกับหญิงหม้ายคนหนึ่งที่มีลูกติด 2 คน

และได้วางแผนที่จะให้ไปอยู่กับหญิงหม้าย ในปี 1944 ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังเฝาไม้อยู่ในฟาร์มก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ไฟที่เผามันเกิดลามและควบคุมไม่ได้ เอ็ดก็ได้มาบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าพี่ของเขาหายไปเลยค้นหาได้ทำการหาพี่ชายของเขา จนในที่สุดแต่คบกับร่างพี่ชายนอนคว่ำหน้า อยู่สาเหตุการเสียชีวิตของพี่ชายนั้นมาจากการขาดอากาศหายใจ หรือไม่ก็เกิดจากอาการหัวใจวายเฉียบพลันในขณะที่ไฟไหม้ จากการสืบสวนในเวลาต่อมาพบว่าเขาเสียชีวิตก่อนเกิดเหตุไฟไหม้และมีรอยช้ำที่ศีรษะ ในขณะที่บางคนสงสัยว่าเอ็ดเป็นคนฆ่าเขา แต่ไม่มีการแจ้งข้อหาเอ็ดเนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอ ในปีต่อมาแม่ของเขาก็ได้เสียชีวิตลงด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกในปี 1945 ซึ่งในขณะนั้นเอ็ดมีอายุ 39 ปี ทำให้เอ็ดรู้สึกสิ้นหวังโดดเดี่ยวหลังจากที่แม่เสียเขาก็ไม่เคยไปอยู่ที่ไหนเลยนอกจากบ้านหลังนี้ของเขา เขาเริ่มเข้าสู่ความบ้าคลั่งบ้านที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งความตาย

เขาใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ในการอ่านนิตยสารและหนังสือ ห้องที่อาศัยอยู่เต็มไปด้วยวารสารเกี่ยวกับพวกนาซีนักล่า จากการอ่านหนังสือของเขาเอ็ดได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการย่อศีรษะจากหลุมศพ และกายวิภาคของร่างกายมนุษย์ และในตอนนั้นเองชีวิตที่แสนโดดเดี่ยวของเขาก็นำมาสู่การฆาตกรรมสุดสยองขวัญในเวลาต่อ มาในปี 1947 ถึงปี 1952 เอ็ดเขาได้ไปตามสุสานตามท้องถิ่นมากมายถึง 40 แห่ง เพื่อขุดขโมยศพหญิงสาวแต่ก็มีหลายครั้งที่เขาได้สติและรู้ตัวว่าเขากำลังขุดขโมยศพ เขาจึงรีบเก็บข้าวเก็บของกลับโดยที่ไม่ได้เอาอะไรจากหลุมศพติดไม้ติดมือไปด้วยเลย มีหลักฐานว่าเขาพยายามจะเอาร่างของแม่เขาออกมาด้วย เนื่องจากดินในส่วนนั้นมีทรายมากเกินไป ศพที่เอ็ดเอากลับมาบ้านนั้นจะถูกผ่าออกเป็นชิ้นส่วนต่างๆ และเอ็ดเลือกเก็บบางชิ้นส่วนของร่างกายไว้เช่น หัว หัวใจ ลำไส้ อวัยวะเพศ แล้วก็ตับ บางครั้งเขาก็ถลกหนังออกแล้วเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย แต่ส่วนที่จะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเลยก็คืออวัยวะเพศหญิงนั่นเอง เอ็ดเริ่มก่อเหตุฆาตกรรมครั้งแรกในปี 1954 เหยื่อคนนั้นคือ

แมรี่ เป็นหญิงอายุ 51 ปีที่ทำงานอยู่ในโรงเตี๊ยม เอ็ดเคยไปที่ทำงานเธออยู่หลายครั้ง วันที่ 8 ธันวาคมปี 1954 เอ็ดรอลูกค้าออกจากร้านเธอไปให้หมดเมื่อเขาเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม แมรี่บอกกับเอ็ดว่าร้านจะปิดแล้ว เอ็ดก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วเขาเดินเข้าไปข้างแมรี่ แมรี่ไม่ทันจะได้พูดหรือว่าเห็นเขาก็จะทำอะไร เอ็ดชักปืนจุด 32 ออกมาจ่อหัวเธอแล้วลั่นไกกระสุนทะลุหัวกะโหลกเธอและแมรี่ก็ได้เสียชีวิตลงที่ตรงนั้น วันรุ่งขึ้นตำรวจพบปลอกกระสุนปืนจุด 32 ตำรวจยังพบเฟอร์นิเจอร์ที่พลิกคว่ำและกองเลือดที่อยู่หลังบาร์ ตำรวจใช้เวลาทั้งหมด 3 ปีการระบุว่าเอ็ดเป็นผู้สังหารแมรี่เนื่องจากตำรวจไม่พบศพของเธอ ตำรวจได้ไปยังฟาร์มของเอ็ดเพื่อสอบถามข้อมูล แต่วันนั้นเอ็ดไม่ได้อยู่ที่ฟาร์ม เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปข้างในทุกคนกลับต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นคือ ศีรษะมนุษย์ 5 หัว กะโหลกอีก 4 หัว และหน้ากากหนังมนุษย์อีก 10 ชิ้นที่ทำมาจากผิวหนังส่วนใบหน้าของศพ และยังมีเส้นผมที่ติดมากับหนังพิซซ่าอีกด้วย เครื่องใช้ที่ทำจากกระดูกอีกมากมาย และเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐานอีกหลายอย่างเช่นเก้าอี้และโคมไฟที่ทำจากผิวหนังมนุษย์

จมูกที่ถูกตัดออก 4 ชิ้นริมฝีปากอีก 2 เข็มขัดที่ทำจากหัวนมผู้หญิงและชุดอวัยวะของเพศหญิง และได้พบหัวใจมนุษย์อยู่บนเตาอีกด้วย และเจ้าหน้าที่ก็ยังพบกับตะกร้าที่ทำจากหนังมนุษย์ เตียงนอนที่ถูกประดับด้วยหัวกะโหลกอวัยวะที่ถูกแช่ไว้ในตู้เย็น และเอ็ดถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมและเขาสารภาพว่า ชิ้นส่วนที่เหลือกระจายภายในบ้านของเขามาจากการขโมยศพผู้หญิงจากสุสานในท้องถิ่นนั่นเอง การฆาตกรรมของเอ็ดอยู่ในช่วงปี 1954 ถึงปี 1957 เจ้าหน้าที่ที่ทำงานใน with Continuous ได้สัมภาษณ์กับเอ็ดว่าเอ็ดมักจะชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง และเขาจะสวมหน้ากากที่ทำมาจากหนังส่วนมากของศพ หลังจากที่ศาลพิจารณาคดีในเดือนมกราคมปี 1958 ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล camillian Hospital เป็นสถานที่สำหรับอาชญากรที่คนจริต เอ็ดได้อยู่ที่นี่เป็นเวลา 10 ปีและในเดือนพฤศจิกายนปี 1968 ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆาตกรรม ในการไต่สวนคดีพบว่าเอ็ดไม่ได้มีความผิดเนื่องมาจากเขาเป็นคนจริต เขาก็เลยไม่ได้ถูกส่งตัวไปที่เรือนจำเพราะด้วยความที่เขาป่วยเป็นโรคจิตเวช แต่เขาก็เข้าการรักษาและถูกควบคุมตัวที่สถาบันจิตเวช เอ็ดใช้ชีวิตอยู่จนวินาทีสุดท้ายของเขาชีวิตด้วยโรคหัวใจ ในวันที่ 26 กรกฎาคมปี 1984 ในวัย 77 ปี ปิดตำนานฆาตกรต่อเนื่อง

ความโดดเดี่ยวในจิตใจของเขา บวกกับความรู้ที่ได้มาจากการอ่านหนังสือ ทำให้เขามีความคิดที่วิกรนจริตหลงใหลในเรือนร่างและกายวิภาคของมนุษย์ และนั่นเองที่นำมาสู่การฆาตกรรมสุดสยองขวัญที่ชาวดังไปทั่วโลก และนี่คือเราของ EDWARD THEODORE GEIN สนใจติดตามเรื่องเล่าใหม่ๆ ได้เลยที่นี่ พร้อมเหลา

ใส่ความเห็น