Spinosaurus คือหนึ่งในไดโนเสาร์ที่ถูกถกเถียงกันมากที่สุด แต่คงไม่มีการตีความแบบไหนที่จะแปลกได้เท่าเวอร์ชั่นนี้แล้ว เรื่องราวจะเป็นอย่างไรเรามาดูพร้อมๆกันเลย
Spinosaurus
มีการวิจัยและถกเถียงกันถึง สไปโนซอรัส ทำให้เปลี่ยนแปลงข้อมูลการแพทย์รายปี จากนักล่าขนาดยักษ์ที่สุด ก็ยังไม่สามารถสรุปตัวตนที่แท้จริงของมันได้ แต่คงไม่มีการตีความแบบไหนที่จะแปลกได้เท่ากับเวอร์ชั่นนี้ สไปโนฟารัด
ลองมาดูที่มาจริงๆของมันกันก่อน ดีกว่านักล่าสุดโหดอย่าง spinous สัตว์กินเนื้อน่ากลัว ที่สามารถดำน้ำลึก ถึงแม้แต่เพนกวินในปัจจุบันยังทำไม่ได้ ภายใต้หนังหนาของมันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และไขมันทำให้สามารถทนต่ออุณหภูมิต่ำได้ดี
ไม่ว่าจะเป็นบนบกหรือในน้ำ กระดูกสันหลังแบบกระดุมของมัน จะปกคลุมด้วยเนื้อหนังที่หนาโดยมีไว้เพื่อรับแสงอาทิตย์ในเวลากลางวัน สำหรับความอบอุ่นโดยมีการคาดการณ์ว่ามันจะมีขนาดใหญ่ 15 ถึง 18 เมตร
แต่ spinosaurus มันอาจใหญ่มากกว่าเดิมซะอีก ด้วยความมหึมาของมันทำให้มันเป็นที่เกรงกลัว แม้กระทั่งคู่รักด้วยกันเอง แต่ขนาดตัวของมันก็ไม่ใช่อุปสรรคในการล่า ด้วยครีบหางขนาดใหญ่ทำให้มันสามารถดำน้ำได้ลึก พอที่จะเป็นฝันร้ายของเหยื่อใต้ทะเล
โดยไม่ยากเย็น แต่ก็ทำให้การเคลื่อนที่บนบก น่าจะเป็นเรื่องลำบากอยู่พอตัว นอกจากนี้ส่วนประกอบของมัน ยังเป็นแบบระยางคล้ายงวง ซึ่งคาดว่าทำให้มันสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว จุดด้อยอีกอย่างของมันก็ คือมันจะเปลี่ยนจากนักล่าที่ใหญ่ที่สุดบนบกมาเป็นนักล่าขนาดกลางในน้ำแทน แต่ถึงอย่างนั้นลักษณะทั้งหมดที่กล่าวมา ก็ทำให้มันเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตสุดแกร่ง ที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องหลีกทางให้ ไดโนเสาร์ที่ดุดันไม่เกรงใจใคร spinosaurus vagus
มาถึงตรงนี้ผมรู้ว่าทุกคนคงมีคำถามอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ แล้วคิดอยู่ว่านี่มันตัวอิหยังกันวะเนี่ย แต่อยากให้มาดูเรื่องราวของมันก่อน synapse คือไอเดียที่ว่ากรอบเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยเป็นผลงานผ่าน เรวัตหรือบรรพชีวินสิน
นั่นคืองานศิลปะที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ต่างๆ การตีความสุขแบบนี้ ขึ้นในปี 2013 โดยหรืออีกชื่อว่ายุค Kool Black iridium บรรพชีวินวิทยา ชาวเยอรมัน ที่ดูไม่เข้าที่เข้าทางนี้คือ เมโลดี้ creatures หรือ สิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความสนุกสนาน
เป็นหลักแต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่คนงานที่เอาฮาอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีจุดประสงค์และที่มาที่ลึกซึ้งมากกว่า ที่เห็นย้อนกลับไปในปี 1910 หลังจากการค้นพ บสไปโนซอรัส ครั้งแรกมันก็กลายเป็นจุดสนใจทันที เพราะมันเป็นไดโนเสาร์ที่แปลกและมีเอกลักษณ์ต่างจากตัวอื่นๆ
ด้วยจุดเด่นคือมีกระดุมขนาดใหญ่ อยู่บนหลัง และเป็นหนึ่งในนักล่ากินเนื้อที่ใหญ่ที่สุด บนพื้นดินด้วย ขนาดที่ใหญ่กว่าทีเร็กซ์ โด่งดังทำให้ภาพลักษณ์ของสไปโนซอรัส ในยุคแรกๆนั้น ดูเป็นนักล่าน่ากลัวอันดับต้นๆ ทว่าภาพลักษณ์ของมันก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
เมื่อมีการพบซากฟอสซิล ที่สมบูรณ์ที่สุด ทำให้รู้ว่ามันน่าจะเป็นสัตว์ที่หากินในแหล่งน้ำจากจุดนี้เองที่ทำให้การจินตนาการหน้าตาของมันเปลี่ยนกลับไป มาหาบทสรุปไม่ได้อะฟิลของ spinosaurus มีอยู่น้อยมากรวมถึงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
คือบางส่วนของมันยังถูกทำลายเสียหายไป เหลือเพียงคำอธิบายที่เคยมีบันทึกไว้เท่านั้น สไปโนซอรัส จึงกลายเป็นเหมือนปริศนา ที่ท้าทายผู้เชี่ยวชาญและมีข้อมูลที่จำกัด จึงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถหาข้อสรุปของมันได้ หน้าตาของมันจึงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
แทบจะเปลี่ยนกันปีต่อปี ในตอนแรกมันถูกมองว่าเป็นสัตว์ยืน 2 ขา ขนาดใหญ่แบบการ์ตูนคาร์โนซอร์ ก่อนที่จะพบว่ามันมีจมูกแบบจระเข้ และมีคอยาวขึ้นประกอบกับความโด่งดังของ Jurassic Park ภาค 3 ทำให้ภาพลักษณ์นี้กลายเป็นหน้าตาหลักของสไปโนซอรัส
กระทั่งในช่วงปี 2010 กระแสหนึ่งในเหล่าศิลปินบรรพชีวิน ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นพร้อมๆ กับการแพร่หลายของอินเทอร์เน็ตมันคือกระแสการตีความสัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างๆโดยมองที่นอกกรอบมากขึ้น
เพื่อความสนุกสนานและการสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับการค้นพบเดิมๆ ซึ่งกระแสนี้ได้รับความนิยมจากหนังสือ orkide ที่สนับสนุนการตีความสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ ในแง่มุมใหม่ๆ ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก ไปจนถึงพฤติกรรมต่างๆ
ทำให้มีการต่อยอดสร้างผลงาน ที่แปลกแหวกแนวจำนวนมาก แต่ก็เริ่มมีปัญหาตามมาเมื่อการตีความในช่วงหลังๆ เดิมผิดไปจากความเป็นจริง หรือทำขึ้นเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียว จนเริ่มทำให้ห่างไกลจากจุดประสงค์ของกระแสเดิม
เป็นที่มาให้นำไอเดียสุดแปลกของ ไดโนเสาร์ ที่มีการถกเถียงกันมากที่สุด อย่างสไปโนซอรัส มาใช้ให้เป็นต้าวอ้วนที่ได้ออกสู่สายตาชาวโลกในปี 2013 ด้วยมันได้รับแรงบันดาลใจจากไอเดียที่ว่ามันอาจจะมีจมูกคล้ายงวง สำหรับจับเหยื่อ ไอเดียนี้เป็นของ ศิลปินชาวอาร์เจนตินา ที่ส่งประกวดการแข่งขัน การตีความ
ดึกดำบรรพ์นอกกรอบที่ชื่อว่า oyo Yesterday อีกหนึ่งแรงบันดาลใจ มาจากคาร์ลอสเอาเบอร์เกอร์ หรือ ฟา ที่มองว่าด้วยสัญลักษณ์ ของสไปโนซอรัส กับการหาอาหารในน้ำ เป็นหลัก ซึ่งเป็นแนวคิดที่แปลกใหม่มาก
สำหรับในตอนนั้นทั้ง 2 พบกับข้อมูลฟอสซิลที่ยังไม่สมบูรณ์มากนัก มารวมกันจึงเป็น spinosaurus โดยดัดแปลง 2 ขา ด้านหน้ากลายเป็นครีบและสัดส่วนขา ด้านหลังที่ไม่ได้มีฟอสซิล หลงเหลือมากนัก
จากสัตว์บกก็เปลี่ยนให้กลายเป็นสัตว์น้ำ เตรียมตัวซึ่งโดยรวมแล้ว จะดูเหมือน วอรัสแตกต่างจากภาพลักษณ์ ที่จะเป็นอย่างสิ้นเชิง หมายจะเป็นผลงานที่ทำเพื่อเสียงหัวเราะ แต่จริงๆแล้ว ก็แอบแซวแนวคิดที่สำคัญมาด้วย
การค้นหาหน้าตาที่แท้ของสิ่งมีชีวิตหลายล้านปีก่อน เป็นเรื่องที่ท้าทายพวกมันมีข้อมูลหลงเหลือ ที่จำกัดการวาดภาพพวกมัน โดยมีเพียงแค่ซากฟอสซิล ยังเป็นเรื่องที่ยากเสมอ ดังนั้น การศึกษาค้นคว้าต่างๆจึงต้องมีการเรียนรู้กันอีกมาก
ซึ่งในแต่ละยุคสมัยก็จะมีการตีความสิ่งมีชีวิตโบราณต่างๆ ด้วยค่านิยมของสมัยนั้น เกิดเป็นแนวคิดที่ว่าค่านิยมเหล่านั้น อาจจะไม่ได้ถูกต้องเสมอไป จุดกระแสของ orkide ที่สนับสนุน ให้มีการมองชีวิตดึกดำบรรพ์ในแง่มุมที่หลากหลาย มากขึ้นนั่นเอง
แต่ถึงอย่างนั้นข้อเสียหนึ่งของกระแสนี้ ก็คือคนที่ไม่ได้รับรู้ถึงกระแส มองผลงานต่างๆแล้วจะทำให้เกิดความเข้าใจ จุดประสงค์ที่ผิดไปได้ง่าย หรือบางครั้งการตีความที่ห่างไกลจากความเป็นจริง ก็อาจส่งต่อความรู้ผิดไปได้ด้วย
ศิลปินเจ้าของผลงานได้บอกเอาไว้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะร้องเรียนทั้ง ฟ้าหรือเวก้า แต่ต้องการแสดงให้เห็นว่า ถ้าเราคาดเดาอย่างอิสระ โดยตัดขาดจากหลักฐานด้วยการเปรียบเทียบด้วยเหตุผลที่ดี พอเราจะสามารถหลุดออกไปไกลจากวิทยาศาสตร์ได้แค่ไหน
เป็นยังไงกันบ้างกับเรื่องที่ทางเราได้นำเสนอออกไป ใครที่ชอบหรือไม่ชอบยังไงสามารถแสดงความคิดเห็นไว้ได้เลยนะครับ สำหรับใครที่อยากจะดูเรื่องเกี่ยวกับอะไร สามารถบอกเข้ามาได้เลย สุดท้ายนี้อย่าลืมกดติดตาม พร้อมเหลา ไว้ด้วยนะครับ