the Dinosauroid ถ้าไดโนเสาร์มีวิวัฒนาการหน้าตาแบบมนุษย์?
specialization คือการคาดเดาความเป็นไปได้ของวิวัฒนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากโลกพบกับจุดเปลี่ยนที่ส่งผลให้นักประวัติศาสตร์ดำเนินไปในเส้นทางใหม่ หนึ่งในหัวข้อที่ได้รับความนิยมที่สุดของ scrollable Vision คือเรื่องของไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์ที่ยังเต็มไปด้วยปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์ต้องค้นหาคำตอบมาตั้งแต่อดีต มีแนวคิดที่ได้รับการนับถือมากช่วงปี 1970 ว่ากลุ่ม schwartz’s คือไดโนเสาร์โบราณที่ฉลาดที่สุดจากการประเมินอัตราส่วนขนาดของสมองต่อขนาดของร่างกาย การค้นพบนี้จุดชนวนให้นักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการชื่อดังได้เกิดคำถามว่า หากสัตว์ที่ฉลาดอยู่แล้วเหล่านี้ไม่ได้สูญพันธุ์และได้วิวัฒนาการต่อมาเป็นเวลา 60 ล้านปี พวกมันจะก้าวหน้าไปได้ไกลแค่ไหน แต่ก่อนที่จะเข้าเนื้อหาถ้าพูดกับทางเทคนิคแล้วไดโนเสาร์ยังไม่ได้สูญพันธุ์ไปทั้งหมด ไดโนเสาร์ถูกจำแนกออกเป็นหลายกลุ่ม สิ่งที่เราจะพูดถึงกันในครั้งนี้มาจากคำถามที่เขาสแกนได้ตั้งขึ้นนั่นคือ จะเป็นอย่างไรหากนอนในเฟสไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วสามารถอยู่รอดและวิวัฒนาการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
มีการตีความตอบคำถามนี้แตกต่างไปแต่ผลงานที่ได้รับการจดจำและมีอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบันคือ งานวิจัยจากปี 1982 งานวิจัยนี้พูดถึงการสร้างโมเดลเสมือนจริงของเทเลพอตขนาดเล็กจาก vitas เนื้อหาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดกลับหนีไม่พ้นไดโนเสาร์ที่ยืน 2 ขารูปร่างแบบมนุษย์ การจำลองโมเดลสร้างเทเลพอตขนาดเล็กจาก vacations stenosis และทฤษฎีไดโนซอรัสคืองานวิจัยจากปี 1982 โดย dale russell และ ron seguin ในส่วนของงานวิจัยเป็นเนื้อหาของ stenosis ซึ่งมีซากที่สมบูรณ์ที่สุดในอเมริกา พวกเขาใช้ข้อมูลในเวลานั้นสร้างโมเดลจำลองขนาดเท่าของจริง ซึ่งร่างกายโดยรวมของมันจะมีขนาดเล็กและเรียวยาวแต่มีกระโหลกและสมองขนาดใหญ่ นอกจากนี้มันยังมีระบบสายตา 3 มิติแบบมนุษย์กรงเล็บคล้ายนิ้วและการยืนด้วยสองขา ด้วยความโดดเด่นทางสรีระของมันนี่เองเป็นที่มาให้ในช่วงหลังของงานวิจัยคือการสร้างแบบจำลองของไดโนเสาร์
จากทฤษฎีที่ว่าหากมันยังอยู่นอกจากการสูญพันธุ์และวิวัฒนาการขึ้นมาแบบ Hormones settlement จะมีรูปร่างอย่างไร พวกเขาประเมินว่าด้วยสมองขนาดใหญ่จะส่งผลให้ใบหน้าของไดโนเสาร์สั้นลง จากเดิมทีที่มีจำเลยปากยื่นไปข้างหน้าตามด้วยการทำให้มันไม่มีฟันจากการสังเกตลิงและวานรที่สมองใหญ่มักมีฟันน้อยกว่าสายพันธุ์ที่มีสมองเล็ก พวกเขายังเฉลยอีกด้วยว่าเมื่อสมองมันมีขนาดใหญ่ขึ้นร่างกายก็ต้องรับน้ำหนักของกะโหลกมากขึ้น ทำให้คอสั้นลงและมีหลังตรงเหมือนมนุษย์ แล้วเมื่อหลังตรงฐานก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป นอกจากนี้ด้วยลักษณะของกระโหลกที่ใหญ่ทำให้ต้องอุ้มท้องทารกขนาดใหญ่ขึ้น และด้วยการจินตนาการว่ามันจะออกลูกเป็นตัวมันจะมีช่องท้องที่ใหญ่สำหรับการตั้งท้องรวมถึงมีสะดือด้วย เมื่อร่างกายส่วนบนคล้ายกับมนุษย์แล้วส่วนล่างจึงน่าจะเป็นไปในทางเดียวกัน นั่นคือ มีขายาวและเท้าที่ใช้ในการวิจัยนี้ยังปรับให้มันมีลักษณะเหมาะสำหรับหยิบจับสิ่งของต่างๆมากขึ้น นั่นคือ มีมือและเท้าแบบมนุษย์และมีเล็บมือเล็บเท้าแทนที่กรงเล็บแบบเดิม โดยรวมแล้วจึงเกิดเป็นไดโนซอลอยสิ่งมีชีวิตที่มาจากคล้ายมนุษย์
แต่ก็ดูน่าขนลุกเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ได้แทบจะทันทีที่งานวิจัยนี้เผยแพร่ Dinosaur โด่งดังและแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แม้จะมีการให้เหตุผลเป็นขั้นเป็นตอนประกอบเอาไว้ แต่กระแสของมันก็ทำให้เกิดการถกเถียงความเป็นไปได้และน่าเชื่อถือของงานวิจัยนี้ ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่สิ่งมีชีวิตแบบนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ แน่นอนว่ามีทั้งผู้ที่ชื่นชมและผู้ที่ไม่ชื่นชอบผลงานนี้ ผู้ที่มองในแง่บวกมักกล่าวว่าแม้จะเป็นทฤษฎีที่แปลกประหลาดแต่ก็ช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจได้ไม่น้อย บ้างก็นำ Model นี้ไปต่อยอดกลายเป็นการจำลองที่พวกเขาเชื่อว่าสมจริงขึ้นไปอีก พร้อมอ้างว่ามันอาจเป็นไปได้จริงๆ นักบรรพชีวินวิทยาหลายคนออกมายังว่าโมเดลนี้เหมือนมนุษย์มากเกินไป ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไดโนเสาร์หลายๆคนให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ไม่มีความจำเป็นเลยที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆจะต้องวิวัฒนาการมาใกล้เคียงกับมนุษย์ พวกมันควรจะพัฒนาไปในทางของตัวเอง ดังนั้น ร่างกายของไดโนเสาร์จริงน่าจะยังคงอยู่ในแนวนอนและยังมีหางแบบเดิม ในปัจจุบันนักบรรพชีวินวิทยาและนักเรียนจากอังกฤษและเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องของไดโนเสาร์รอยเอาไว้
และได้ให้ความเห็นเอาไว้ในปี 2006 ว่าไดโนเสาร์กลายมาเป็นมนุษย์มีเกล็ดมีเท้ายาวๆกับ 3 นิ้วและตัวตรงไม่มีหางมีขนแบบนกปกคลุมตัวและมีสีสันสดใสสวยงามร่างกายแนวนอน เดินด้วยนิ้วเท้าพร้อมขากรรไกรยาวแข็งและทรงพลัง เดินเล่นไปมาในสะวันนาไล่เตะตูดพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะเล็กๆ แล้วตอนเย็นพวกมันจะมายืนรวมตัวกันตามต้นไม้และส่งเสียงร้องเพลง แม้งานวิจัยของรัสเซลล์จะได้รับคำวิจารณ์แง่ลบเป็นจำนวนมาก แต่มันก็มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เกิดการตั้งคำถามและดึงดูดความสนใจของสายตาคนทั่วไป ต่อเรื่องวิวัฒนาการของเหล่าไดโนเสาร์ Dinosauroid กลายเป็นตัวละครที่ผู้คนรู้จักก่อให้เกิดผลงานศิลปะหลากหลายชิ้นและมีบทบาทใน Pop culture เช่น TV Series Dinosaur จากปี 1991 ที่ดำเนินรายการโดย Water ในตอนท้ายสุดของรายการเกิดเหตุการณ์ที่มนุษย์สูญพันธุ์ลงไป และถูกแทนที่ด้วย Dinosauroid ที่มาจากนก แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการที่มีผู้เสนอไอเดียของไดโนเสาร์ทรงภูมิปัญญาที่ดูจะเป็นไปได้จริงๆ
เช่นไบโอรีแอคเตอร์ maconie ไดโนเสาร์ที่ยังคงมีร่างกายแบบดั้งเดิมผลงานโดยนักเขียนจอย xenical ในปี 1984 2 ปีหลังโมเดลของรัสเซียหรือ residences โดย Gerund และไซม่อนรอยที่ร่วมกันออกแบบไดโนเสาร์โดยยึดจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ก่อนที่จะผนวกเข้ากับวิถีชีวิตแบบมนุษย์ พวกเขาเริ่มออกแบบมาไว้ตั้งแต่ประมาณปี 2006 จนถึงปี 2019 ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาไม่เชื่อว่า Dinosauroid ของรัสเซลล์จะเป็นไปได้ นอกจากนี้แล้วยังมีผลงานไดโนเสาร์วิวัฒนาการขั้นสูงอื่นๆอีกหลายชิ้น จะเห็นว่าผลงานเหล่านี้มีความสร้างสรรค์และน่าสนใจไม่น้อย หรือจริงๆแล้วงานวิจัยที่สร้างข้อเสียของแต่รัสเซลล์จะกลายเป็นมรดกทางความคิดที่จุดประกายไอเดียเหล่านี้ขึ้น ย้อนกลับไปในช่วงปลายยุค 1970 Cafe calcell ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการสูญพันธุ์ของหนอนเอเลี่ยน Dinosaur เมื่อมีการค้นพบไดโนเสาร์สมองใหญ่ บราซิลได้ให้ความเห็นว่าพวกมันน่าจะเป็นไดโนเสาร์ที่ฉลาดมาก ในหนังสือ The Dragon of Eden เมื่อปี 1977 จากจุดนี้เองที่น่าจะทำให้เกิดเป็นทฤษฎีไดโนซอรัสของรัสเซลล์แต่ผลงานชิ้นนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ผู้ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในวงการ วิทยาศาสตร์ออกแบบโมเดลที่เป็นการคาดเดาวิวัฒนาการสมมุติของไดโนเสาร์หรือ specialist Dinosaur Edition ซึ่งส่งผลทำให้ชื่อเสียงของเขาเปลี่ยนไปในทิศทางที่วุ่นวายมากขึ้น ในปัจจุบันงานวิจัยนี้ถือว่าตกยุคไปอย่างมากเพราะ stenosis ก็ถูกข้อมูลใหม่ระบุว่ามันคือทรูโอดอนที่ยังไม่โตเต็มวัยเท่านั้น
จึงไม่แปลกเลยที่ Dinosauroid ที่น่าจะมาจากการใช้รูปร่างของมนุษย์เป็นหลักในการออกแบบ จะถูกโต้แย้งและหักล้างลงไปได้ แต่น่าเสียดายที่การเผยแพร่ของสื่อทำให้เนื้อหาที่แท้จริงของการวิจัยถูกบิดเบือนออกไป งานวิจัยนี้ถูกมองว่าเป็นผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่สุดโต่งและไม่ถูกต้อง หรือแม้กระทั่งเผยแพร่ไปยังผิดๆว่ามีการค้นพบไดโนเสาร์ที่รูปร่างแบบมนุษย์ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเป้าหมายหลักของรัสเซลล์ไม่ได้ต้องการเสนอว่า มนุษย์ไดโนเสาร์มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้จริง ประโยคสุดท้ายในงานวิจัยของรัสเซลล์ระบุว่าเราเชิญชวนผู้ร่วมวิชาชีพให้ได้ระบุทางเลือกอื่นๆด้วย หากไดโนเสาร์สามารถวิวัฒนาการฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ได้ หรือกระทั่งแนวคิดที่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปแค่ไหนหากสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาแบบอื่นเกิดขึ้นมาบ้าง ร่างกายแบบมนุษย์จะเป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดแล้วจริงๆหรือไม่ และอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เป็นแบบนั้น ซึ่งคำถามเหล่านี้ช่วยจุดประเด็นเกิดคำถามแตกยอดออกไปอีกมากมาย เช่น หากสัตว์อื่นพัฒนาขึ้นมาได้ชีวิตและสังคมของมนุษย์จะเป็นไปในทิศทางใด หรือถ้าสอดเหล่านี้มีการวิวัฒนาการด้วยรูปแบบร่างกายแบบเดิม เทคโนโลยีของพวกมันจะออกมาในรูปแบบไหน
การหาคำตอบเหล่านี้นอกจากจะช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังทำให้เข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติมากขึ้นด้วย ดังนั้นเป้าหมายหลักของผลงานวิจัยนี้คือการทดลองแนวคิดใหม่ๆ และสร้างการถกเถียงในวงการมากขึ้น ซึ่งอย่างน้อยก็อาจสรุปได้ว่างานวิจัยนี้บรรลุจุดประสงค์ของมันแล้ว ติดตามเรื่องเล่าต่างๆได้ที่ พร้อมเหลา