VAMPIRES ผีดูดเลือดคลาสสิคและคำอธิบายโดยหลักวิทยาศาสตร์

VAMPIRES

VAMPIRES ผีดูดเลือดคลาสสิค

สิ่งมีชีวิตในตำนานที่ชั่วร้ายพวกมันคือศรัทธาแห่งรัตติกาลที่ออกล่าเอาชีวิตรอด แวมไพร์ เป็นผีตามความเชื่อของชาวยุโรปในยุคกลางทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนปกติทั่วไป แวมไพร์เกิดขึ้นเมื่อไหร่และในปัจจุบันพวกมันยังมีชีวิตอยู่จริงๆหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ตำนานที่ถูกแต่งขึ้นมาตามยุคสมัยเพียงเท่านั้น แวมไพร์เคยถูกเชื่อว่าเป็นพ่อมดหรือคนที่กบฎต่อศาสนาในขณะที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ โดยทั่วไปแล้วแวมไพร์จะออกล่าในเวลากลางคืนเนื่องจากแสงแดดทำให้พลังงานมันอ่อนลง แวมไพร์ยังมีพละกำลังสูงรวมถึงสามารถสะกดจิตและกระตุ้นความรู้สึกต่อเหยื่อได้ มีคำกล่าวว่าแวมไพร์ถือกำหนดขึ้นจากเวทมนตร์ในอียิปต์โบราณ โดยเป็นปีศาจที่ถูกอัญเชิญมายังโลกนี้จากที่อื่น แวมไพร์จากทั่วโลกมีหลายรูปแบบมี แวมไพร์เอเชีย ที่โจมตีผู้คนทำให้พลังของพวกเขาหมดไปและเทพพิโรธดื่มเรือที่ปรากฏในหนังสือแห่งความตายของทิเบต แวมไพร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือแดร็กคูล่า compromise โจ๊กเกอร์ ในประวัติศาสตร์มักจะอ้างถึงเจ้าชายแห่งโรมาเนีย ย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่ 15 เขาคือผู้ปกครองมาเลเซียตั้งแต่ปี 2456 ถึงปี 2462

นักประวัติศาสตร์บางคนพูดถึงเขาว่าคือผู้ปกครองเมืองที่เที่ยงธรรม เขาต่อสู้กับจักรวรรดิออตโตมันอย่างกล้าหาญ จนเขาได้รับฉายาว่าไวรัสนักเสียบ จากวิธีที่เขาโปรดปรานในการฆ่าศัตรูคือการเสียบเหยื่อไว้กับไม้ แวมไพร์ไม่มีลักษณะเฉพาะที่ชัดเจนว่ากันว่าบางตัวสามารถกลายร่างเป็นค้างคาวหรือหมาป่าได้ ในบางตำนานก็บอกว่าคนที่เป็นแวมไพร์จะไม่มีภาพสะท้อนในกระจก นอกจากนี้น้ำศักดิ์สิทธิ์และแสงแดดสามารถขับได้และฆ่าแวมไพร์ได้ ในลักษณะต่างๆที่เล่ามาอาจจะใช้ไม่ได้กับทุกตัว จุดร่วมกันของมันและเป็นลักษณะทั่วไปประการหนึ่งที่สำคัญต่อแวมไพร์ในการหล่อเลี้ยงชีวิต และร่างกายคือการดื่มเลือด ในยุคสมัยโบราณมีเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์ต่างๆนานา

แต่ก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าตำนานเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใด แต่ในช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18 มีเรื่องราวของแวมไพร์เกิดขึ้นในยุโรปตะวันออก มีเรื่องเล่าขานในชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า julius randle ได้เสียชีวิตไปเมื่อปี 1656 และฟื้นขึ้นมาจากความตายในตอนกลางคืนหลังจากถูกฝั่งไปนานเป็นเวลา 16 ปี เขาเป็นคนแรกที่ถูกเรียกว่าแวมไพร์ julius ออกข่มขวัญผู้คนในเมืองในทุกๆคืนคำว่าจะกลับไปหาอดีตภรรยาของเขาอยู่บ่อยครั้ง เพื่อข่มขวัญหรือคืนใจเธอในทุกคืน ชาวบ้านในภูมิภาคเอเชียปัจจุบันเรียกว่าโครเอเชียทนไม่ไหวกับการใช้ชีวิต ที่ต้องตกอยู่ในสภาวะหวาดกลัวจึงได้ตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อต่อสู้ และออกล่าผีดิบตนนี้ นักบวชประจำหมู่บ้านที่เคยทำพิธีฝังศพได้เข้าร่วมกลุ่มกับชาวบ้านเขาอีกครั้ง ทุกคนไปที่หลุมศพของ julius นายอำเภอได้แทง julius ที่หน้าอกด้วยไม้โฮกธอนและศพของเขาถูกชาวบ้านคนหนึ่งชื่อสิบแมนตัดศีรษะจนมันขาดออก

และหมู่บ้านก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง เรื่องนี้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จริงๆ มนุษย์คนแรกที่ถูกเรียกว่าแวมไพร์ ตำนานต่อมาคือเรื่องที่เล่าขานต่อกันมาจากอดีต โดยพูดถึงปีเตอร์โคโค่บีชในศตวรรษที่ 17 ปีเตอร์ได้เข้าร่วมสงครามระหว่าง Server กับโรมาเนีย ปีเตอร์เสียชีวิตในสงครามหลังจากนั้นก็มีคำบอกเล่าว่าปีเตอร์เขาได้ปรากฏตัวที่บ้าน หลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดและมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นกับชาวบ้านในละแวกนั้น เมื่อมีคนถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล จนถึง 9 คน และทุกคนมีอาการเหมือนกันคือไร้เรี่ยวแรง คล้ายกับคนเสียเลือดมากทั้ง 9 คนให้การเดียวกันว่า เธอโดนปีเตอร์ทำร้ายมาและเหยื่อทั้งหมดก็ได้เสียชีวิตลงตามกันไป เรื่องนี้ทำให้ชาวบ้านต่างจังหวัดระแวงพวกเขารวมตัวกันไปหาปีเตอร์ที่บ้าน ชาวบ้านพบกับปีเตอร์ที่มีอาการเดียวกันกับอยู่ท่ามกลางคนที่เขาได้ทำลาย หลังจากนั้นไม่นานเขาได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ได้ทำการฝั่งร่างของปีเตอร์ไปรอบที่ 2 แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น มีข่าวการโดนทำร้ายเหมือนครั้งแรกเกิดขึ้นอีกครั้ง

และพยานหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คนร้ายได้กะโจนเข้ามาเพื่อดูดเลือดของเหยื่อทำให้เรื่องนี้ร้อนไม่ถึงทางการ ทุกคนได้รวมตัวกันพิสูจน์หลักฐานว่าคนร้ายนั่นคือปีเตอร์หรือไม่ พวกเขาจะพากันเดินทางไปยังหลุมศพของปีเตอร์ และได้ทำการขุดเจาะขึ้นมาทุกคนต่างกับสิ่งที่เห็น คือจบของปีเตอร์ไม่ได้ป่วยหน้าเหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว จากนั้นชาวบ้านจึงไม่รอช้าต่างก็พากันรุมแทงร่างของปีเตอร์ด้วยไม้ที่แหลมคม จนปีเตอร์สะดุ้งตื่นแล้วกีดร้องออกมา ชาวบ้านและคนของทางการจึงตัดสินใจตัดหัวปีเตอร์ทิ้ง ได้นำไปเผาซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ แต่เรื่องนี้ไม่สามารถยืนยันแน่ชัดได้เพราะเป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมาตั้งแต่สมัยอดีต ถึงการปรากฏตัวของแวมไพร์ในยุโรปยุคกลาง ก็จะมีการทดเฟืองท้ายด้วยอื่นไปทั่วยุโรปในหลายพื้นที่

เรื่องราวของแวมไพร์ก็ยังคงน่าหลงใหล ได้อย่างน่าหวาดกลัวมีผู้คนที่เชื่อว่าแวมไพร์มีจริงยิ่งกว่านั้นยังมีศูนย์วิจัยแบบภายในนิวยอร์ก ที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องภายในยุโรปและอเมริกาอีกด้วยว่า ในอนาคตเราอาจจะได้รู้อะไรเกี่ยวกับแวมไพร์เพิ่มมากขึ้น แต่ภายในปัจจุบันอาจไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวเท่าเมื่อก่อน อิทธิพลของมันก็ส่งผลต่อสังคมชาวตะวันตกมาอย่างยาวนาน เป็นแรงบันดาลใจเกิดผลงานสร้างสรรค์ต่างๆ เช่นนิยายภาพยนตร์และการ์ตูนอนิเมชั่น ที่มีชื่อเสียงอีกมากมายหลายเรื่อง และจะกลายเป็นสัญลักษณ์สุดคลาสสิค ติดตามเรื่องเล่าต่างๆได้ที่ พร้อมเหลา

ใส่ความเห็น