Kukulkan เทพสูงสุดของชาวมายัน กับความอัศจรรย์ของปิรามิดอายุพันปี

Kukulkan

Kukulkan เป็นใคร และทำไมคนถึงเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับ UFO? นี่คือเรื่องราวของนาคาขนนก มหาเทพของชาวมายัน ที่อาจจะมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ พร้อมกับมีการสร้างวิหารบูชาสุดน่าทึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันเลย

Kukulkan เทพสูงสุดของชาวมายัน

นี่คือเรื่องราวของคูคุลคานเทพของชาวมายัน ที่นอกจากจะมีตำนานที่ยาวนานแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับสถานที่สุดน่าทึ่งของโลกอีกด้วย คูคุลคานคือเทพจากอารยธรรมมายา หรือชาวมายันที่อาศัยอยู่บริเวณยูคาตัน และมีอิทธิพลอย่างมากในวัฒนธรรมเมโสอเมริกัน Kukulkan มาจากการผสมคำว่า Kukul ที่แปลว่าปกคลุมด้วยขนนก และ kan ที่แปลว่างู เมื่อรวมกันจึงหมายถึงพญางูที่มีขนปกคลุมร่างกาย หรือที่เรียกว่านาคาขนนก ในศิลปกรรมต่างๆของชาวมายันมักจะแสดงลักษณะของขุขันธ์ว่า เป็นงูใหญ่ที่มีขนนกและมีหัวของนักรบชาวมายันออกมาจากปาก ตามตำนานผู้การนั้นเป็นทั้งเทพแห่งสายลมและฝน รวมถึงเป็นหนึ่งในสามเทพที่ดลบันดาลสรรพสิ่งของโลกที่สำคัญที่สุดของชาวมายัน เนื่องจากเชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดชาวมายันและสอนสรรพสิ่งต่างๆให้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าคูคุลคานเกี่ยวข้องหรือบางครั้งเป็นองค์เดียวกันกับเทพของอารยธรรมแอซเท็กอย่าง quetzalcoatl ที่เป็นงูเหมือนกัน

โดยน่าจะเป็นเพราะความแตกต่างของสภาพอากาศของยูคาทันและกัวเตมาลา ทำให้มองพระอาทิตย์ต่างกัน ในตำนาน 1 ที่สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เล่าว่า คูคุลคานนั้นคือเด็กชายคนหนึ่งที่เกิดมาในร่างของงู เมื่อโตขึ้นด้านการแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาคืองูใหญ่ที่มีขนนกตามร่างกาย เขาได้รับการดูแลโดยพี่สาวในถ้ำ เพราะเวลาผ่านไปร่างกายของคูคุลคานก็ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถอาศัยอยู่ในถ้ำได้และพี่สาวก็ไม่สามารถดูแลเขาได้อีก คูคุลคานจึงบินออกจากถ้ำและหายลงไปในทะเล โดยเขาจะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวในทุกๆปีเพื่อให้พี่สาวรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ อีกตำนานเล่าว่าขุขันธ์เป็นพญางูที่ชั่วร้ายที่เลี้ยงไว้โดยเทพพระอาทิตย์ คูคุลคานทำลายสิ่งต่างๆและเดินทางไปมาระหว่างความเป็นและความตาย ก่อนจะได้รับแบ่งปันอาหารจากเด็กชายชาวมนุษย์ และได้เดินทางติดตามกันมาที่โลกก็จะสร้างประเทศของตัวเองขึ้นมา นอกจากคูคุลคานจะหมายถึงเทพเจ้างูขนนกแล้ว

นี่จะเป็นคำที่ใช้เรียกผู้ปกครองหรือนักบวชสูงสุดของชาวยูคาเทค ทำให้เนื้อหาของคูคุลคานหลายๆจุดคลุมเครือไม่ค่อยชัดเจน จากบันทึกของนักประวัติศาสตร์ชาวสเปน kokoda กล่าวว่าคูคุลคานนั้นเดินเป็นผู้ปกครองของชาวมายันที่ถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้า เขาเดินทางมาจากเม็กซิโกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 และก่อร่างสร้างเมืองมายาปานซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรยูคาเทคมายา ก่อนที่หลายปีผ่านไปคูคุลคานก็จากชาวมายันไปด้วยสันติและมิตรภาพ ขณะที่มีข้อมูลอีกฝั่งบอกว่าคูคุลคานเป็นนักบวชภายใต้ลัทธิบูชาพญางูขนนกในชิเชนนิซา จากช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 เขาก้าวสู่อำนาจหลังการล่มสลายของมายาปาน และซีลมายาได้สั่งไว้ผู้นำของชิเชนนิซา คูคุลคานที่เข้ามาแทนจึงนำชาวอิตซามายาทวงคืนอำนาจจากซิมมายา ซึ่งเป็นไปได้ว่าคูคุลคานทั้งสองคนนี้น่าจะไม่ใช่คนเดียวกัน เพียงแค่ใช้ชื่อเดียวกันเท่านั้น อย่างไรก็ตามคูคุลคานก็มีความสำคัญมากต่อชาวยูคาเทคมายา

โดยมีการก่อสร้างพีระมิดที่อุทิศเพื่อการบูชายัญอย่างวิหารแห่งคูคุลคาน ที่บางครั้งเรียกว่าคุคูลคานหรือเป็นที่รู้จักกันในนาม LPS โดยวิหารพีระมิดนี้อยู่ในเมืองซิเซนนิซา เมืองโบราณของชาวมายันที่ถูกยกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ เอวคัทซิโย้มีอายุเก่าแก่แล้ว 1000 ปี โดยมีลักษณะเป็นพีระมิดแบบขั้นบันไดสูงถึง 30 เมตร ด้านหน้ามีรูปปั้นหัวของคูคุลคานอยู่ที่ผืน ตรงกลางจะมีช่องว่างเชื่อมกับถ้ำที่เต็มไปด้วยน้ำหรือเชโนเต โดยชาวมายันจะโยนเข้าของรวมถึงร่างของผู้ถูกบูชายัญลงไป ความพิเศษของพีระมิดนี้มีหลายอย่างเช่น หากนับขั้นบันไดทั้งหมดที่แบ่งเป็น 4 ฝั่ง ฝั่งละ 91 ขั้น ร่วมกับห้องด้านบนอีก 1 ขั้นแล้วจะเป็น 365 ขั้นเท่ากับจำนวนวันใน 1 ปีพอดี เรื่องถัดมาคือหากปรบมือด้านหน้าของพีระมิดเสียงสะท้อนของเอวคัทชิโย้จะคล้ายเสียงร้องของนก เคตซอ นกศักดิ์สิทธิ์ในความเชื่อของชาวมายัน อีกหนึ่งความแปลกคือในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง

เงาจะค่อยๆพาดผ่านด้านข้างของบันไดเรากับสื่อว่า เป็นพญางูคูคุลคานค่อยๆเลื้อยลงมายังโลกมนุษย์ ด้วยความน่าทึ่งเหล่านี้ทำให้มีทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า จริงๆแล้วคูคุลคานอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เดินทางมายังโลกมนุษย์ก็เป็นได้ ตามตำนานคูคุลคานคือผู้ที่เดินทางมายังโลกมนุษย์และมอบธาตุทั้ง 4 รวมถึงสอนนวัตกรรมต่างๆให้นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต ที่เดินทางไปมาระหว่างท้องฟ้าและพื้นดิน ทำให้มีผู้ที่เชื่อว่าคูคุลคานอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกที่นำความรู้และวิทยาการต่างๆมาให้มนุษย์ พวกเขาอ้างว่าความพิเศษของพีระมิดนั้นซับซ้อนราวกับต้องใช้วิทยาการชั้นสูงในการสร้างขึ้นมาได้ และการเกิดเงาของคูคุลคานที่ราวบันไดคือ สัญลักษณ์ที่ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นการเดินทางมาด้วยยานพาหนะบางอย่างลงมาที่โลกนั่นเอง อย่างไรก็ตามเนื้อหาเหล่านี้ก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ไม่ได้มีหลักฐานรองรับที่ชัดเจน รวมถึงความแปลกของพีระมิดนี้ก็ยังเป็นไปได้ว่า อาจจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้นด้วย

ปัจจุบันคูคุลคานได้ไปปรากฏอยู่ในสื่อต่างๆ ตั้งแต่การ์ตูนเกมและภาพยนตร์ กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของชาวมายัน ในฐานะเทพผู้ให้กำเนิดหนึ่งในอาณาจักรที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก ติดตามเรื่องเล่าต่างๆได้ที่ พร้อมเหลา

ใส่ความเห็น