เหลาเรื่องหลอน เกิดอะไรขึ้นในการทดลองอดนอนสุดสยอง ประเทศรัสเซีย

เหลาเรื่องหลอน เกิดอะไรขึ้นในการทดลองอดนอนสุดสยอง

เหลาเรื่องหลอน การทดลองนี้มีชื่อว่า The Russian Sleep Experiment การทดลองจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญรับชมรับฟังได้ในคลิปเลยครับผม พร้อมอ่านเนื้อหาได้ด้านล้างคลิปนะครับ

เกิดอะไรขึ้นกับการทดลองนอนสุดสยอง

อดนอน 15 วัน ด้วยการณ์ปล่อยแก๊สที่ทำให้ไม่สามารถนอนได้ และเกิดเหตุการสุดสยอง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร รับชบได้ที่คลิปได้เลย ข้อมูลสุดน่ากลัวจากทางเว็บไซต์ promlao เราได้นำมาให้คุณได้ฟังและได้อ่าน เพื่อเป็นความรู้ เชิญรับชมรับฟังได้เลยครับ

นักโทษ 5 คน กับการทดลองอดนอน 15 วัน

เหลาเรื่องหลอน ในช่วงเวลาแห่งสงครามมีการทดลองนับครั้งไม่ถ้วนโดยจุดมุ่งหมายที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ในบางครั้งผลการทดลองก็เป็นไปได้ด้วยดีแต่บางครั้งผลลัพธ์ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ดังเช่นการทดลองฝืนธรรมชาติของการพักผ่อนที่ผลลัพธ์กลายเป็นการปลุกบางอย่างให้ตื่นขึ้นมาการทดลองนี้มีชื่อว่า Sleep experiment ย้อนกลับไปในช่วงปลายของยุคปี 1940 กองทัพรัสเซียจับมือกับกลุ่มนักวิจัยได้คัดเลือกตัวอย่าง 5 คนเพื่อทำการทดลองสุดโหด
 
ที่เรียกว่า Sleep experiment หรือการทดลองอดนอนโดยการทดลองนี้คือให้หาคนที่ถูกคัดเลือกมาตื่นอยู่ตลอดเวลาเป็นเวลา 15 วัน โดยอาศัยการใช้แก๊สกระตุ้นและการทดลองเนี่ยจะเป็นการอดนอนยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้เข้าร่วมทดลองทั้ง 5 คนทั้งหมดเป็นนักโทษทางการเมืองจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกคนเต็มใจและจะเข้าร่วมการทดลองนี้ ผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะถูกขังอยู่ในสถานที่ปิด โดยกลุ่มนักวิจัยจะต้องเป็นคนคอยสังเกตปริมาณออกซิเจนโดยไม่ให้แก๊สนั่นน่ะฆ่าผู้เข้าร่วมทดลองทั้งหมด
 
เพราะแก๊สจะเป็นพิษถ้าปริมาณเข้มข้นสูงเกินไป โดยการทดลองครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีกล้องวงจรปิดพวกเขาจึงมีแค่ไมโครโฟนและหน้าต่างกระจกหนาขนาดช่องไม่ใหญ่มากนักเพื่อใช้สังเกตอาการของผู้เข้าร่วมทดลอง ภายในห้องมีหนังสือจำนวน 1 เตียงนอนที่ไม่มีผ้าห่มมีน้ำดื่มและห้องน้ำที่ใช้งานได้และมีอาหารแห้งที่เพียงพอให้กับ 5 คนนั้นน่ะอยู่ได้ 1 เดือน 5 วันแรกทุกอย่างดำเนินไปตามปกติใน 5 วันแรกราบรื่นดีไม่มีอะไรผิดปกติ
 
ผู้เข้าร่วมการทดลองไม่บ่นเท่าไหร่นักพูดคุยกันเหมือนคนปกติเพราะทุกคนนั้นน่ะได้รับสัญญาว่าจะได้รับการปล่อยตัวเหมือนยอมรับการทดลองนี้และอดนอนจนครบเป็นเวลา 30 วัน การสนทนาและกิจกรรมต่างๆของพวกเขาถูกจับตามองและบันทึกเอาไว้พวกเขาพูดถึงอดีตที่เลวร้ายขึ้นเรื่อยและเนื้อหาของบทสนทนานั้นก็เริ่มโหดร้ายขึ้นหลังจากวันที่ 4 หลังผ่านไป 5 วันพวกเขาเริ่มบ่นถึงสภาพเหตุการณ์วิธีทำให้พวกเขาต้องมาเป็นแบบนี้
 
แหละเริ่มแสดงอาการหวาดระแวงอย่างรุนแรง พวกเขาหยุดคุยกันและวนเวียนกันกระซิบผ่านไมโครโฟนมันแปลกมาก ที่พวกเขาคิดว่าจะสามารถทำให้พวกคุณน่ะไว้ใจพวกเขาได้จากการหันหลังให้กับทางเดียวกันนั่นหมายถึงเหล่าผู้เข้าร่วมการทดลองด้วยกันนั่นเองและนักวิจัยคาดว่านี่อาจจะเป็นผลจากแก๊สก็ได้ 9 วันผ่านไป ผ่านมา 9 วันแล้วหนึ่งในผู้เข้าร่วมการทดลองเริ่มตะโกนออกมาเขาวิ่งไปวิ่งมาในห้องแล้วเรียกร้องอย่างสุดเสียงซ้ำตลอด 3 ชั่วโมงเต็มพวกเขายังตะโกนอยู่แบบนั้นต่อไปจะทำได้เพียงส่งเสียงที่แห้งออกมาบางครั้ง
 
จนสุดท้ายแม้จะอ้าปากแล้วแต่ก็ไร้เสียงใดๆ รอดออกมานักวิจัยคาดว่าเส้นเสียงของเขาน่าจะขาดไปแล้ว สิ่งที่น่าแปลกที่สุดก็คือก็เข้าร่วมการทดลองคนอื่นไม่รู้สึกไม่มีการตอบสนองต่อเหตุการณ์ครั้งนี้เลยแม้แต่น้อยพวกเขายังคงกระซิบผ่านไมโครโฟนต่อไปจนกระทั่งผู้เข้าร่วมการทดลองคนที่ 2 เริ่มตะโกนด้วยและผู้เข้าร่วมการทดลองที่เหลือก็ฉีกหนังสือนำหน้ากระดาษหนังสือมาละเลงอุจจาระป้ายกับใบหน้าของตนเองและวางภาพเบาๆปิดห้องกระจกจนสนิททุกรูก่อนที่เสียงตะโกนจะหยุดลงและมีเสียงกระซิบเบาๆเท่านั้น 12 วันผ่านไป
 
สถานการณ์มันช่างเงียบงันไร้ซึ่งเสียงหวีดร้องหรือเสียงใดๆนักวิจัยเช็คไมโครโฟนทุก3 ชั่วโมงเพื่อจะดูว่ายังใช้งานได้อยู่หรือไม่เพราะพวกเขาคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่จะไม่มีเสียงอะไรออกมาเลยจากห้องที่มีคนอยู่ถึง 5 คน จากการดูปริมาณการใช้ออกซิเจนในห้องทำให้รู้ว่าทั้ง 5 คนยังมีชีวิตอยู่เพราะจากปริมาณการใช้ออกซิเจนนั้นอาจจะมากพอกับคน 5 คนจะออกกำลังกายอย่างหนักสีด้วยซ้ำแต่ทำไมมันกลับเงียบงันผิดปกติ 14 วันผ่านไปในเช้าวันที่ 14 กลุ่มนักวิจัยได้เลือกทำในสิ่งที่เขาเคยบอกว่าจะไม่ทำเพื่อดูการทดลองพวกเขาใช้ลำโพงอินเตอร์คอมภายในห้องโดยหวังว่าจะได้รับการตอบสนองกลับมา
 
เพราะกลัวว่าทั้ง 5 จะตายหรือนอนแน่นิ่งเป็นพักไปเสียก่อนนักวิจัยได้ส่งเสียงมาผ่านไมค์เข้าไปด้านในว่า ……! กลุ่มนักวิจัยจึงต้องตกใจกับสิ่งที่พวกเขาได้ยินเมื่อเขาได้รับเสียงตอบกลับอย่างเยือกเย็นกลับมาว่า (เราไม่ต้องการอิสระอีกแล้ว) ด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเรานักวิจัยหาลือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปดีเกิดการถกเถียงกันระหว่างกลุ่มนักวิจัยและทหารที่ให้การสนับสนุนการทดลองในครั้งนี้เมื่อพวกเขาไม่สามารถกระตุ้นการตอบสนองใดผ่านอินเตอร์คอมพวกเขาจึงได้ข้อสรุปว่าจะเปิดห้องในตอนเที่ยงคืนของวันที่ 15 วันที่ 15 แก๊สกระตุ้นถูกหยุดและเริ่มแทนที่ด้วยอากาศบริสุทธิ์ในทันใดนั้นเริ่มมีเสียงคัดค้านจากไมโครโฟนมี 3 เสียงร้องอ้อนวอนราวกับกำลังร้องขอชีวิตของคนที่รักโดยขอให้ปล่อยแก๊สเข้ามาอีกครั้งของทดลอง
 
ห้องทดลองเปิดออกพร้อมกับส่งทหารเข้าไปเผื่อนำผู้ร่วมทดลองออกมา ผู้เข้าร่วมทดลองต่างพากันตะโกนร้องดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารที่ได้เห็นสภาพภายในห้องนั้นก็เช่นกัน 4 ใน 5 ของผู้ร่วมทดลองยังไม่ตายแต่ไม่มีใครสามารถเรียกสภาพแบบนั้นได้ว่ายังมีชีวิตอยู่ได้ พวกเขาแทบจะไม่ได้แต่ส่วนแบ่งอาหารตั้งแต่วันที่ 5 มีเศษชิ้นส่วนเนื้อต้นขาและหน้าอกของผู้เข้าร่วมการทดลองที่จากไปอุดตันท่ออยู่กลางห้อง
 
ทำให้มีน้ำขังสูงถึง 10 เซนติเมตรไม่สามารถระบุได้ว่าในน้ำมีเลือดปนอยู่เท่าไหร่กัน ทั้ง 4 คนชีวิตมีร่องรอยกล้ามเนื้อและผิวหนังขาดวิ่นไปทั่วร่างกายเป็นจำนวนมากดูจากร่องรอยและเศษเนื้อบนนิ้วฉีกขาดจนเห็นกระดูกพอจะเดาได้ว่าบาดแผลเหล่านี้เกิดจากการใช้มือดึงทิ้งไม่ใช่การใช้ฟันกัดอย่างที่นักวิจัยคิดเอาไว้จากการวินิจฉัยตำแหน่งและองศาของบาดแผลที่ระบุได้ว่าทั้งหมดเกิดจากการกระทำของผู้เข้าร่วมการทดลองเอง อวัยวะบริเวณหน้าท้องใต้ซี่โครงไปของทั้ง 4 คนนั้นน่ะหายไป
 
ขณะที่หายใจปอดและกระบังลมยังอยู่ครบผิวหนังและกล้ามเนื้อเกือบทั้งหมดที่ติดกับซี่โครงทุกชิ้นออกเผยให้เห็นปลอดภัยในซี่โครง เส้นเลือดและอวัยวะภายในยังทำงานอยู่เพียงแค่โดนดึงออกมาวางแผนไว้รอบตัวของผู้เข้าร่วมการทดลองระบบย่อยอาหารของทุกคนยังทำงานได้ก่อนที่จะรู้ว่าอาหารที่กำลังย่อยเหลือของพวกเขาเองติดถูกฉีกและกินลงไปตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทหารหลายคนของศูนย์วิจัยนี่น่ะเป็นทหารหน่วยรบพิเศษของรัสเซียพวกเขาปฏิเสธที่จะกลับมาที่นี่เพื่อนำผู้เข้าร่วมการทดลองออกไป เหล่าผู้ทดลองร้องให้ทิ้งเขาไว้และอ้อนวอนขอให้ปล่อยแก๊สอีกเพราะพวกเขาไม่อยากนอนหลับ ที่แปลกคือผู้เข้าร่วมการทดสอบสามารถขัดขืนและต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ได้อย่างดุเดือดขณะที่กำลังอยู่ในระหว่างการนำตัวออกมาจากห้อง
 
เหตุการณ์หลังจากการนำตัวออกมาจากห้องทหารรัสเซียคนหนึ่งตายจากการถูกฉีกคออีกรายบาดเจ็บสาหัสจากการถูกดึงอัณฑะและเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาขาดโดยการกัดของผู้เข้าร่วมการทดลองและยังมี 5 คนที่ตายไปหากนับจากการฆ่าตัวตายภายในสัปดาห์หลังเกิดเหตุ ในระหว่างการขัดขืน 1 ใน 4 ผู้เข้าร่วมการทดลองมามแตกและเสียเลือดเป็นจำนวนมากด้วยพยาบาลพยายามทำให้เขาสงบลงแต่ไม่สำเร็จเขาถูกฉีดให้สลบด้วยมอร์ฟีนมากกว่า 10 เท่าที่ใช้กับมนุษย์ปกติ
 
ผู้เข้าร่วมการทดลองยังสู้กับสัตว์ที่มุมจนหนึ่งในทีมแพทย์กระดูกและแขนหักโดยหัวใจของผู้เข้าร่วมทดลองสามารถเห็นได้ว่ายังเต้นอยู่ถึง 2 นาทีหลังจากเจาะเลือดไหลออกไปจนภายในมีแต่อากาศมากกว่าเลือดหลังจากหัวใจหยุดเต้นไปแล้วเขาร่วมการทดลองยังคงตะโกนและดิ้นทุรนทุรายอยู่อีก 13 นาทีเขาพยายามทำร้ายทุกคนที่เข้าใกล้เขาและพูดซ้ำว่าเอาอีกเอาอีกอยู่เรื่อยๆ จนเสียงนั้นเริ่มเบาลงและเขาก็เงียบไปปลุกเข้าร่วมการทดลองที่เหลืออยู่ 3 คนถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาและย้ายไปที่หน่วยพยาบาล 2 ใน 3 คนนั้นน่ะสามารถพูดได้ต่างก็ยังพอแก๊สเพื่อที่จะให้พวกเขายังคงตื่นต่อไป 1 ใน 3 ที่บาดเจ็บที่สุดถูกนำไปที่ห้องผ่าตัดของศูนย์วิจัยเพื่อได้รับการนำอวัยวะต่างๆกลับมาไว้ที่ตำแหน่งเดิม
 
ก่อนที่จะพบว่ายาสลบฉีดให้ไม่มีผลต่อเข้าเลยผู้เขาร่วมการทดลองยังคงขัดขืนการถูกมัดหลังถูกลมแก๊สยาสลบเกิดสามารถที่จะแกะสายรัดหนังที่ข้อมือหนา 10 cm ได้แม้จะมีเจ้าหน้าที่ที่หนักกว่า 90 กิโลกรัมกดเอาไว้ก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่ต้องใช้แก๊สมากกว่าปกติเพียงเล็กน้อยจึงจะสามารถหยุดผู้เข้าร่วมทดลองเอาไว้ได้ทันทีที่ตาของเขาค่อยๆปิดลงหัวใจของพวกเค้าก็หยุดเต้นจากการชันสูตรผู้เข้าร่วมการทดลองพบว่า
 
เลือดมีปริมาณออกซิเจนอยู่ถึง 3 เท่าของคนปกติกล้ามเนื้อที่ยังติดอยู่กับกระดูกฉีกขาดสาหัสและมีกระดูกหักอีก 9 ชิ้นในระหว่างการขัดขืนส่วนใหญ่จะมาจากที่ตัวของเขานั่นน่ะโหขยับร่างกายมากเกินไปผู้เข้ารวมการทดลองที่รอดชีวิตคนที่สองเป็นคนแรกใน 5 คนที่เริ่มส่งเสียงร้องตอนนั้นเส้นเสียงของเขาถูกทำลายไปแล้วทำให้เขาไม่สามารถพูดหรือปฏิเสธการผ่าตัดได้เลยเขาทำได้เพียงส่ายหัวไปมาอย่างรุนแรงในขณะที่นำแก๊สยาสลบเข้ามาใกล้เขาพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนะเหมือนมีคนเสนอว่าให้ขอร้องผ่าตัดโดยไม่ใช้ยาสลบดู
 
แผลที่ทำการผ่าตัดพูดซ้ำๆว่าในทางการแพทย์ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ผู้เข้าร่วมการทดจะยังมีชีวิตอยู่ 1 ในพยาบาลผู้ช่วยที่กำลังหวาดกลัวบอกว่าเธอเห็นผู้ป่วยขยับปากในรูปแบบการยิ้มหลายครั้งเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอสบตากับพวกเขาหลังจากผ่าตัดจบการทดลองมองหน้าแพทย์ในเรื่องหายใจเสียงดังเขาดิ้นแรงมากเหมือนกำลังพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่แพทย์ได้สังเกตว่าเขาอาจกำลังต้องการพูดเรื่องสำคัญบางอย่างเขาจึงได้นำกระดาษกับปากกามาให้เขียนและข้อความที่ได้นั้นก็เป็นข้อความธรรมดาธรรมดาว่าผ่าตัดต่อไปผู้เข้าร่วมการทดลองอีก 2 คนเข้ารับการผ่าตัดแบบเดียวกันโดยทั้งคู่ผ่าตัดโดยไม่ใช้ยาสลบแต่ต้องฉีดยาชาตลอดเวลา
 
ในการผ่าตัดเพราะแพทย์ไม่สามารถผ่าตัดได้เนื่องจากผู้ป่วยหัวเราะอยู่ตลอดเวลาถึงแม้ผู้เข้าร่วมการทดลองนั้นขยับไม่ได้แต่พวกเขาก็ยังคงมองตามนักวิจัยที่เข้าร่วมการผ่าตัดอย่างไม่คลาดสายตาจู่ๆร่างกายของผู้เข้าร่วมการทดลองก็กลับมาขยับได้เร็วอย่างผิดปกติและจะพยายามหลุดออกจากการถูกมัดไว้ทันทีเขาสามารถพูดได้เขาร้องขอแก๊สกระตุ้นอีกครั้งพวกนักวิจัยถามเขาว่าทำไมเขาถึงต้องทำร้ายตัวเองทำไมต้องฉีกเนื้อฉีกเลือดตัวเองแล้วทำไมต้องการแกสิบุกเขามีคำตอบเดียวที่ต้องการก็คือฉันยังต้องตื่น
 
มีการเพิ่มเครื่องมือที่ใช้วัด 3 ผู้ร่วมการทดลองที่เหลือให้แน่นขึ้นและนำตัวเข้าไปในห้องทดลองอีกครั้งเพื่อรอกำหนดว่าจะทำยังไงกับพวกเขาต่อไปนักวิจัยกำลังตกที่นั่งลำบากครับผู้สนับสนุนเมื่อล้มเหลวในการทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จึงคิดที่จะทำการการุณยฆาตผู้เข้าร่วมการทดลองที่เหลือทิ้งเสียให้หมดแต่เจ้าหน้าที่ควบคุมที่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ KTB เห็นความเป็นไปได้ของโครงการนี้และยังอยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไปกับผู้เข้าร่วมการทดลองกลับมาได้รับแก๊สอีกครั้งเล่านักวิจัยไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังเปลี่ยนการตัดสินใจไม่ได้ในการที่จะปิดตายห้องทดลองอีก
 
ผู้เข้าร่วมการทดลองที่เหลือถูกนำมาตรวจสอบคลื่นประสาทสมองและถูกจับมัดไว้ทุกคนต้องแปลกใจคือเมื่อผู้เข้าร่วมการทดลองหยุดการแพทย์คืนทันทีเมื่อรู้ว่าจะได้รับแก๊สมันชัดเจนแล้วว่าทั้ง 3 พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองนั้นหลับไปหนึ่งมีผู้เข้าร่วมการทดลองที่ยังสามารถพูดได้ก็เริ่มทำเพลงเสียงดังอย่างต่อเนื่องผู้เข้าร่วมการทดลองอีกคนไม่มีเสียงแล้วแต่พยายามยกแข้งยกขาออกจากสายที่รัดเท่าที่จะทำได้จากซ้ายไปขวาจากขวาไปซ้ายอีกครั้งเพื่อให้ใจนั้นได้จดจ่ออยู่กับมันส่วนอีกคนยกออกจากหมอนและกระพริบตาถี่ๆเขาเป็นคนแรกที่เข้าเครื่องตรวจสภาพประสาทและสร้างความตกใจให้กับเหล่านักวิจัยเมื่อได้เห็นคลื่นสมองของเขาส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับปกติ
 
มีเพียงบางครั้งที่นิ่งไปเฉยๆราวกับเขากำลังตกอยู่ในอาการสมองตายก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติอยู่ซ้ำๆขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งความสนใจไปที่กระดาษรายงานประสาทที่ค่อยๆไหลออกมามีเพียงพยาบาลคนหนึ่งมองเห็นตาผู้เข้าร่วมการทดลองปิดลงทันทีที่หัวเขาถึงหมอนคลื่นสมองเข้าสู่สภาวะหลับลึกและแน่นิ่งไปเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับหัวใจที่เต้นผู้เข้าร่วมการทดลองคนเดียวที่ยังสามารถพูดได้เริ่มตะโกนร้องไห้พี่ต่ายห้องทดลองคลื่นสมองเท่านั้นนิ่งเหมือนกันกับผู้เข้าร่วมการทดลองที่พึ่งตายไป
 
ในการรับผู้ปกคลุมการทดลองสั่งให้ขังผู้ร่วมการทดลองที่เหลือไว้ทั้งคู่เอาไว้ในกล่องรวมกับนักวิจัย 3 คนผู้ควบคุมการทดลองแดกเข้าไปในห้องทดลองด้วยหัวหน้านักวิจัยดูท่าทีมันจะขัดขืนผู้ควบคุมการทดลองยกปืนขึ้นมาขู่เข็ญเตียงด้านขวามือผู้ควบคุมการทดลองโดยสารไปยังผู้เข้าร่วมการทดลองที่กำลังจะลุกจากเตียงและระเบิดสมองของเขาทิ้งไปทีมพยาบาลและนักวิจัยคนอื่นๆต่างก็ตกใจและวิ่งหนีกระเจิงออกนอกห้องทดลองและหัวหน้านักวิจัยเห็นท่าไม่ดีนักเลยยกปืนพกของตัวเองขึ้นมาตัดสินใจยิงผู้ควบคุมการทดลองลงไปนอนกองกับพื้นเรียบร้อย
 
หัวหน้านักวิจัยเริ่มขาดสติตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกเลยตัดสินใจชี้ไปทางผู้เข้าร่วมการทดลองคนสุดท้ายที่นอนอยู่บนเตียงขณะที่ทีมพยาบาลและวิจัยได้วิ่งออกไปจากห้องหมดแล้วและหัวหน้านักวิจัยตะโกนไปยังชายที่นอนอยู่บนเตียงว่าฉันอยากจะรู้ผู้เข้าร่วมการทดลองทำได้แค่ยิ้มและพูดว่าทำไมลืมง่ายนะเวลาเราก็คือเราคือความบ้าคลั่งที่แบงค์อยู่ในตัวของพวกแกทุกคนเรียกร้องไห้ลดรอยร้าวอยู่ตลอดในส่วนลึกจิตใจของสัตว์เราคือสิ่งที่ผู้แก่หลบซ่อนบนที่นอนทุกคืนเราคือสิ่งที่พวกแกกล่อมให้เงียบสงบแต่พบกับสวรรค์ยามค่ำคืนที่พวกเราไม่สามารถเข้าถึงได้หัวหน้านักวิจัยนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่จะเล็งปืนไปที่หัวใจของผู้เข้าร่วมการทดลองและลั่นไกผู้เข้าร่วมการทดลองที่ถูกยิงคนสุดท้ายกระอักเลือดอย่างอ่อนแรงและพูดออกมาว่า เกือบเป็นอิสระแล้ว

เหลาเรื่องหลอน การทดลองอดนอนสุดหลอน เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นเรื่องที่หน้ากลัวสุดๆ จากการทดลองอดนอนเพียง 15 วัน โดยการให้แก๊สบางตัวที่ทำให้ไม่ง่วงนอนนั้นเองครับ

ใส่ความเห็น