โลกดึกดำบรรพ์ อาจจะเต็มไปด้วยความน่ารักกว่าที่เราคิด

โลกดึกดำบรรพ์ อาจจะเต็มไปด้วยความน่ารักกว่าที่เราคิด สัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างๆมักเป็นที่จดจำว่าพวกมันหน้าตาน่ากลัว และน่าเกรงขาม ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะมีหน้าตาน่ารักมากกว่าที่เราคิด เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลย

ไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างๆ มักเป็นที่จดจำว่าพวกมันหน้าตาน่ากลัวดุร้ายและน่าเกรงขาม แต่เพราะมันสูญพันธุ์ไปหลายล้านปีและลงเหลือเพียงแค่ซากฟอสซิล เราจึงไม่สามารถแน่ใจได้ว่าพวกมันมีหน้าตาแบบไหน ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะมีหน้าตาน่ารักมากกว่าที่เราคิด หลังจากการค้นพบฟอสซิลสัตว์ดึกดำบรรพ์โดยเฉพาะไดโนเสาร์มาเป็นเวลาหลายร้อยปี ล่องรอยเหล่านี้ก่อสร้างคำถามว่าในอดีตมันเคยมีหน้าตาเป็นแบบไหนกันแน่ วิทยาศาสตร์ในยุคแรกๆมักมีความว่าพวกมันจะมีหน้าตาคล้ายกับกิ้งก่าหรือจระเข้ โดยผิวหนังหนาและแข็งกรงเล็บยาวทรงพลังแล้วฟันที่แหลมคม ประกอบกับขณะที่มันจะใหญ่โตกว่าสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน ช่วยเพิ่มความน่ากลัวและน่าเกรงขามให้กับพวกมันมากขึ้น แต่หลังจากมีการค้นพบใหม่ๆรวมถึงความก้าวหน้าของวิทยาการและเทคโนโลยี ข้อมูลของพวกมันจึงค่อยๆเปลี่ยนไปและชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลายๆชนิดถูกแบ่งออกไปได้ละเอียดมากขึ้น

จากการเปรียบเทียบกับอาณาจักรสัตว์ในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติ ทำให้เราได้รู้ว่าสัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างๆมีความแตกต่างกันออกไปแล้วแต่สปีชีส์ และเราไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าพวกมันมีหน้าตายังไงกันแน่ ดังนั้น การที่เราจะจินตนาการว่าพวกมันจะน่ารักกว่าที่เราคิดจึงไม่น่าใช่เรื่องแปลก แล้วต้องเป็นแบบไหนถึงจะเรียกว่าน่ารัก นิยามของคำว่าน่ารักของแต่ละคนที่มีต่อสัตว์ต่างๆอาจจะแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปเรามักจะใช้คำว่าน่ารักกับแมวมากกว่าตะกวด จุดร่วมที่สัตว์น่ารักๆว่าจะมีคือรูปแบบที่คล้ายกันอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้พวกมันได้รับความชื่นชอบมากกว่าสายพันธุ์อื่น ดังนั้น หากเราค้นพบว่าศาสตร์โบราณอื่นๆมีลักษณะของความน่ารักเหมือนกับสัตว์ปัจจุบัน ก็จะช่วยเปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อพวกมันไปด้วย

เหตุผลแรกนั้นอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของมนุษย์มาจะให้ความรักและความไม่รู้ต่อทารกมากกว่าดังนั้นมนุษย์ จึงมาปกป้องและใส่ใจตอนเด็กๆมากกว่าปกติซึ่งเชื่อว่าเพื่อให้เอื้อต่อการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ และนั้นอาจจะส่งผลมาถึงมุมมองต่อสัตว์อื่นๆด้วย เรามักจะมองสัตว์ที่ยังโตไม่เต็มที่ว่ามีความน่ารักมากกว่าตัวที่โตเต็มวัย ใน Please advise สารคดีซีรีย์จากแอปเปิล และแสดงให้เห็นว่าเราชัดลึกน้ำมันตัวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน มีการเล่าเรื่องของสัตว์หลายๆสายพันธุ์โดยมีการแสดงสัตว์สายพันธุ์นั้นในตอนแรกเกิดด้วย ซึ่งแม้จะมีหน้าตาคล้ายกับพ่อแม่ของพวกมันแต่ลูกๆก็ยังมีร่างกายที่ยังโตไม่เต็มที่อยู่ ตัวอย่างเช่นเขาที่ยังไม่ยาวมากนักของเจ้าตัวเล็กไทรเซอราทอปส์ ดังนั้น ภาพของโลกดึกดำบรรพ์เองน่าจะเต็มไปด้วยสัตว์ได้เกิดที่เดินต่อแต่ไปมาเต็มไปหมดเช่นกัน

เหมือนกับ Nitrogen ที่มีลูกๆตัวเล็กของสัตว์หลากหลายชนิดซึ่งพวกมันก็ดูน่ารักน่าชังไปเสียทุกตัว แล้วด้วยลักษณะแบบทารกนี้เองที่ทำให้สัตว์อื่นๆที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ดูน่าเอ็นดูไปด้วย สัตว์หลายชนิดมีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกับเด็ก ตัวเล็กตาโตแก้มป่องหรือมีตัวป้อมแบบเต้าอ้วน คุณลักษณะเหล่านี้ทำให้พวกมันมักจะถูกมองว่าน่ารัก ซึ่งในโลกดึกดำบรรพ์ก็น่าจะมีสัตว์ที่มีคุณสมบัติต่างๆที่ทำให้พวกมันน่ารักอยู่เช่นกัน เช่น colchester ไดโนเสาร์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสเมื่อ 70 ล้านปีก่อน พวกมันมีจะงอยปากสั้นหัวกะโหลกกลมและมีความยาวจากหัวถึงหางยาว 1.2 เมตร ย้ายไปที่ใต้ผืนน้ำกันบ้างกับเคราตินครูซกิ้งก่าทะเลที่มีชีวิตอยู่เมื่อราว 248 ล้านปีก่อน มันมีขนาดจากหัวถึงหางเพียง 40 cm นั่นคือขนาดของพอๆกับแมวบ้าน

รูปร่างทั่วไปคือมันมีลำตัวสั้นขาทั้ง 4 ข้างมีลักษณะแบบคล้ายพายที่มีความยืดหยุ่นสูงแบบเดียวกับเต่าทะเล ทำให้คาดว่ามันน่าจะสามารถเคลื่อนที่บนบกได้ด้วย หรือเหล่าสัตว์สี่ขาอย่าง dichainodon คือสัตว์เลื้อยคลานที่มีคุณสมบัติหลายอย่างแบบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จุดเด่นของพวกมันคือมีงาที่จะงอยปากด้านหน้าลำตัวใหญ่และขาทั้งสี่การออกไปทานข้าง ด้วยขาที่กางออกทำให้มันน่าจะมีท่าเดินที่คล้ายกับกิ้งก่าเหมือนเช่นกิ้งก่าคอมมานโดในปัจจุบัน พวกมันเป็นสัตว์กินพืชที่เคยมีจำนวนมากและแพร่กระจายอยู่ทั่วมหาทวีปแพนเจียในช่วงปลายยุคเพอร์เมียน

ถึงแม้เราจะยังไม่สามารถขีดเส้นใต้คำตอบด้วยหน้าตาของสัตว์ทั้งหมด ได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการวาดภาพและคาดเดาหน้าตาที่เคยมีมานั้น ผิดไปเสียหมด มีหลายๆที่การค้นพบใหม่ๆทำให้รู้ว่านักบรรพชีวินวิทยาได้ตั้งสมมติฐานเอาไว้ใกล้เคียงมากแล้ว เช่น กรณีการพบซากของ balsa ที่สมบูรณ์มากจนเหลือผิวหนังของมันไม่ด้วย ทำให้เรารู้ว่าหน้าตาตอนมีชีวิตของมันเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ต่างจากที่เคยมีการคาดการณ์เอาไว้มากนัก ดังนั้น การจินตนาการหน้าตาและวิถีชีวิตของไดโนเสาร์ ต้องมีการคำนึงถึงหลักฐานที่มีและความเป็นไปได้ไม่ให้ผิดไปจากความเป็นจริง เราและเห็นว่าสัตว์ต่างๆมีวิถีชีวิตและความน่ารักแตกต่างกันออกไป เราจึงกลับบ้านเองก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่หลากหลาย เช่นกันความซับซ้อนของพวกมันแสดงให้เห็นว่าพวกมันสามารถเป็นทั้งสัตว์ที่น่ากลัวและน่ารักในเวลาเดียวกันได้ เราไม่ได้อยากทำร้ายภาพไดโนเสาร์เท่ย์ๆ ในความทรงจำของใครหลายๆคน และก็ลองนึกภาพของทีเร็กซ์ในรูปแบบที่น่ารักดูบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอกใช่ไหม

ก็จบกันไปแล้วนะครับผมเรื่องโลกดึกดำบรรพ์ เพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง หรือว่าข้อมูลของเราผิดพลาดตรงไหน เพื่อนๆสามารถติชมและพิมพ์ทิ้งไว้ในช่อง comment ได้เลยนะครับ ยังไงก็ฝากกดไลค์กดแชร์กด Subscribe ให้กับช่อง พร้อมเหลา ไว้ด้วยเพื่อเราจะได้มีกำลังใจในการทำคลิปต่อๆไปมาให้เพื่อนๆได้รับชมกัน